26 พฤศจิกายน 2024

THE MASTER

ย่อโลกข่าวไว้ในมือคุณ

กรมชลฯลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชน-เช็คปริมาณน้ำหลังเกิดอุทุกภัยจ.ลพบุรี

Photo Movement

          “ รองอธิบดีกรมชลประทาน ” ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำจ.ลพบุรีและมอบถุงยังชีพให้ประชาชน    ต.พุคา เพื่อบรรเทาเดือดร้อนให้กับชุมชน  เร่งศึกษาข้อมูลปริมาณน้ำจากสถานการณ์  อุทุกภัยที่เกิดขึ้น สู่แผนการบริหารจัดการน้ำระยะยาว ในโครงการคลองระบายน้ำหลากชัยนาท-ป่าสัก  ตั้งเป้าเพิ่มประสิทธิภาพระบายน้ำในช่วงฤดูน้ำหลาก บรรเทาปัญหาอุทุกภัยลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง เสริมความมั่นคงระบบน้ำป้อนภาคเกษตร ขยายพื้นที่ชลประทาน

              นายเฉลิมเกียรติ คงวิเชียรวัฒน์ รองอธิบดีฝ่ายวิชาการ กรมชลประทาน เปิดเผยว่า เมื่อเร็วนี้ ได้ลงพื้นที่ จ.ลพบุรี  หนึ่งใน 3 จังหวัด (นครสวรรค์ ลพบุรี และสระบุรี) ที่อยู่พื้นที่พัฒนาโครงการคลองระบายน้ำหลากชัยนาท-ป่าสัก   ซึ่งโครงการดังกล่าวมีระยะทาง 88 กิโลเมตร เริ่มอ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ สิ้นสุด แม่น้ำป่าสักบริเวณ ต.เริงราง อ.เสาไห้ จ.สระบุรี  มีเป้าหมายเพื่อการแก้ไขปัญหาอุทุกภัยลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างที่    อยู่ใน 9 แผนหลัก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำ  โดยเฉพาะช่วงฤดูน้ำหลากของลุ่มน้ำเจ้าพระยา ซึ่งขณะนี้โครงการดังกล่าว อยู่ระหว่างการรวบรวมความคิดเห็นของประชาชน ควบคู่ไปกับการศึกษาออกแบบทางวิชาการโดยเฉพาะ เพื่อนำไปสู่การจัดทำแผนรองรับการพัฒนาโครงการได้อย่างสมบูรณ์

          “ด้วยสถานการณ์อุทุกภัยที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ในขณะนี้  จ.ลพบุรี เป็นอีกพื้นที่ได้รับผลกระทบจาก    อุทุกภัยน้ำท่วม ส่งผลต่อปริมาณน้ำที่เอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในหลายแห่ง  และหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคกลาง  กรมชลฯ ได้พยายามเข้าช่วยเหลือในการเร่งระบายน้ำโดยด่วน พร้อมกันนี้ได้มอบสิ่งของ อุปโภค-บริโภค เพื่อให้ประชาชนไม่สามารถสัญจรออกจากพื้นที่ได้  ประกอบด้วย น้ำดื่ม 45 แพ็ค บะหมี่ กึ่งสำเร็จรูป 8 ลัง นมกล่องพร้อมดื่ม 10 ลัง ไข่ไก่ 30 แผง แก่ประชาชน ต.พุคา อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นได้ทันท่วงที”  นายเฉลิมเกียรติกล่าว

          ในส่วนแผนการแก้ไขปัญหาหาระยะยาว กรมชลประทาน ได้มีการทำการศึกษา โครงการคลองระบายน้ำหลากชัยนาท-ป่าสัก   เพื่อบรรเทาและแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดลพบุรี และพื้นที่ใกล้เคียง  ขณะนี้ โครงการอยู่ระหว่างการสำรวจและออกแบบในการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในพื้นที่ท้ายน้ำ เพื่อเร่งระบายน้ำในช่วงฤดูน้ำหลาก ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพระบายน้ำได้ถึง 2,800 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาที  ซึ่งเชื่อว่า จะช่วยบรรเทาผลกระทบจากอุทุกภัยให้ประชาชนได้มากขึ้น

          อย่างไรก็ตาม ความคืบหน้าการพัฒนาโครงการ ได้มีการออกแบบและสำรวจ การจัดทำโครงการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างการรวบรวมรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ที่นำไปสู่การแผนพัฒนาโครงการที่สมบูรณ์ ก่อนนำเสนอต่อรัฐบาลเพื่อพิจารณาอนุมัติในการเริ่มก่อสร้างโครงการ  ในปี 2566  ซึ่งจะสร้างผลดีต่อประชาชน และเศรษฐกิจในภาพรวม  ในการเพิ่มพื้นที่ชลประทานเพื่อการเพาะปลูกผลผลิตทางการเกษตร 868,697 ไร่  รวมถึงยังเป็นแหล่งกักเก็บน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค

Skip to content