26 พฤศจิกายน 2024

THE MASTER

ย่อโลกข่าวไว้ในมือคุณ

GC Group ประกาศแผนงานสู่เป้าหมาย “Together To Net Zero”

Business

บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC และ GC Group  GC Group ประกาศเป้าหมายสู่ “Together To Net Zero” ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ร่วมกันเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ด้วยเป้าหมายระยะกลางในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดลง 20% ภายในปี 2573 และมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2593

ในฐานะผู้นำในธุรกิจเคมีภัณฑ์ระดับสากล เพื่อสร้างสรรค์คุณภาพชีวิต การประกาศแผนการดำเนินงานในครั้งนี้ จะเสริมความแข็งแกร่งของ GC Group ด้วยการผสานนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมกับเทคโนโลยีขั้นสูง นับเป็นอีกหนึ่งก้าวใหญ่ที่สุดของ GC ในการขับเคลื่อนความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนระดับสากล ตอกย้ำการเป็น “เคมี..ที่เข้าถึงทุกความสุข” GC Group มุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) พร้อมกับการบูรณาการหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนตามกรอบเป้าหมายการพัฒนาแบบยั่งยืน (SDGs)

GC วางแผนในการลงทุนสูงถึง 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2573 และจะลงทุนเพิ่มขึ้นในทศวรรษต่อไป เพื่อการบรรลุเป้าหมายโดยไม่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตของธุรกิจ ผ่านกรอบการดำเนินงานเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำด้วย 3 เสาหลัก (Three-Pillar Low Carbon Transition Framework)

ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GC กล่าว “ผมมีความภูมิใจที่จะประกาศความมุ่งมั่น ‘Together To Net Zero’ ซึ่งให้ความสำคัญต่อการสร้างความสมดุลระหว่างกลยุทธ์การเติบโตทางธุรกิจและผลลัพธ์ที่ยั่งยืน โดยได้กำหนดแผนงานที่ชัดเจนและตั้งเป้าหมายระยะกลางในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลง 20% ภายในปี 2573 เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593 ตามข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ เราวางแผนที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในห่วงโซ่คุณค่า (value chain) ลดลง 50% เพื่อให้คู่ค้าและลูกค้าของเรา เข้ามามีส่วนในความมุ่งมั่นนี้ร่วมกัน ในฐานะพลเมืองโลกเราต้องการส่งต่อโลกใบนี้ ที่ดีกว่าให้กับคนรุ่นต่อไป และแน่นอนว่าเราไม่สามารถทำคนเดียวได้ ถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนต้องหันหน้ามาร่วมมือกัน Together To Net Zero”

“GC ตระหนักดีว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญที่สุดในปัจจุบัน และได้ดำเนินการปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานที่มีอยู่ให้เหมาะสมกับสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (DJSI) ได้จัดอันดับให้ GC เป็นอันดับ 1 ของโลกในกลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์ด้านความยั่งยืนถึงสองปีต่อเนื่อง สะท้อนถึงความพร้อมในการบรรลุเป้าหมายใหม่ในครั้งนี้ ด้วยการดำเนินการตามกรอบนโยบายการเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ จะทำให้เราสามารถลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในพอร์ตโฟลิโอและห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมดของ GC Group รวมทั้งสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในธุรกิจของลูกค้าของเราด้วย”

GC ขับเคลื่อนสู่คาร์บอนต่ำ ด้วยเทคโนโลยีทันสมัย การดำเนินธุรกิจ และการชดเชยคาร์บอน

กรอบนโยบายการเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำเป็นหัวใจสำคัญในกระบวนการเปลี่ยนแปลงในระดับสากลของ GC Group เพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero   ภายในปี 2593 โดยขับเคลื่อนด้วยเสาหลัก 3 ประการ ได้แก่

1. Efficiency-driven การเพิ่มประสิทธิภาพในทุกกระบวนการ โดยใช้หลัก “5R” และเทคโนโลยีดิจิทัล ทั้งเทคโนโลยีที่มีอยู่และเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ เพื่อลดการใช้ทรัพยากร และลดการใช้พลังงาน นำนวัตกรรมใหม่ๆ มาปรับใช้ และแสวงหาเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำรูปแบบใหม่เพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดของเทคโนโลยีในปัจจุบัน

2. Portfolio-driven การบริหารพอร์ตโฟลิโอธุรกิจและผลิตภัณฑ์ของ GC Group ผ่านนวัตกรรมและการลงทุน โดยการปรับเปลี่ยนพอร์ตโฟลิโอไปสู่ธุรกิจและผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำ อาทิเช่น การลงทุนในธุรกิจเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษมูลค่าสูง ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ชีวภาพ ผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม และผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัสดุหมุนเวียน

GC ได้เข้าซื้อกิจการของ allnex ผู้นำระดับโลกในธุรกิจผลิตภัณฑ์ Coating Resins ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์กลุ่มสารเคลือบและสารเติมแต่งสำหรับใช้กับวัสดุทุกประเภท รวมถึงเป็นผู้นำในการนำเสนอโซลูชั่นการพัฒนาแอพพลิเคชันการเคลือบต่างๆ   โดย allnex ยึดถือนโยบายในการปล่อยคาร์บอนต่ำ และเป็นผู้บุกเบิกนวัตกรรมที่ยั่งยืนสำหรับอุตสาหกรรม Coating มานานกว่า 70 ปี โดยได้รับการจัดอันดับในระดับ Gold Ratings ด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนจาก EcoVadis อีกหนึ่งตัวอย่าง คือ NatureWorks ผู้ผลิตพลาสติกชีวภาพอันดับหนึ่งของโลก ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของ GC โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ NatureWorks ได้ประกาศการก่อสร้างโรงงานผลิตไบโอโพลีเมอร์แบบครบวงจรแห่งใหม่ในประเทศไทย ส่งผลให้ GC เป็นบริษัทเดียวในโลกที่ดำเนินธุรกิจปิโตรเคมีและธุรกิจพลาสติกชีวภาพ รวมถึงการดำเนินโครงการบริหารจัดการพลาสติกใช้แล้วแบบครบวงจร

GC คาดว่า การปรับเปลี่ยนเพื่อมุ่งสู่ Net Zero จะส่งผลต่อเนื่องไปยังลูกค้า ซึ่งการบริหารพอร์ตโฟลิโอ มุ่งเน้นไปที่การยกระดับคุณภาพชีวิต การปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต เพื่อสิ่งที่ดีกว่า รวมไปถึงการดูแลโลกด้วยผลิตภัณฑ์ที่จะส่งผลดีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ตอกย้ำการเป็น เคมีที่เข้าถึงทุกความสุข นอกจากนี้ การปรับพอร์ตโฟลิโอยังนำเสนอทางเลือกที่หลากหลายให้แก่ลูกค้า เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำ การบริหารจัดการผลิตภัณฑ์แบบครบวงจร เพื่อร่วมกันสร้างห่วงโซ่คุณค่าและการลดปริมาณขยะพลาสติก

3. Compensation-drivenเป็นเสาหลักสุดท้ายของกรอบนโยบายการเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ ด้วยทางแก้ปัญหาที่มีธรรมชาติเป็นพื้นฐาน (Nature-Based Solutions) รวมทั้งการจัดหาและลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ ในการดักจับคาร์บอน ผ่านแนวทางต่าง ๆ ได้แก่ Corporate Venture Capitals การสร้างพันธมิตร และการร่วมทุนทางธุรกิจ เพื่อให้เกิดกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ

ดร.คงกระพัน กล่าวว่า “เราตระหนักถึงความสำคัญในบทบาทของ GC Groupในอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ เรามุ่งเน้นในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ชั้นนำให้กับลูกค้าตลอดห่วงโซ่คุณค่า ควบคู่ไปกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การประกาศในวันนี้ ตอกย้ำความมุ่งมั่นและความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนของ GC ด้วยกรอบนโยบายการเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ จะทำให้เราสามารถพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพให้แก่ลูกค้าของเราที่มีอยู่ทั่วโลก”

“เราเชื่อว่า เป้าหมายในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593 จะสามารถสำเร็จลุล่วงได้ ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น ภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรม และผู้บริโภค โดยการร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนจะมีความสำคัญต่อการจัดการผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เราพร้อมที่จะร่วมมือกับพันธมิตรในระดับสากล และพร้อมที่จะสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อช่วยให้โลกของเรา สามารถบรรลุเป้าหมาย Net Zero ไปด้วยกัน”

Skip to content