26 พฤศจิกายน 2024

THE MASTER

ย่อโลกข่าวไว้ในมือคุณ

TMI ออกหุ้นกู้เพิ่ม 100 ล้านบาท หนุนลงทุนโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ

Business

นายธีระชัย ประสิทธิ์รัตนพร กรรมการผู้จัดการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ธีระมงคล อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TMI เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ออกหุ้นกู้จำนวนไม่เกิน 100 ล้านบาท ชื่อ “หุ้นกู้มีประกันของบริษัท ธีระมงคล อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 2/2564 ครบกำหนดไถ่ถอน พ.ศ.  2566  ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดไถ่ถอน” หรือ TMI238A  อายุไม่เกิน 1 ปี 9 เดือน โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน ) หรือ KTBST เป็นผู้ยื่นคำขอและเสนอขายตราสารหนี้ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2564

            ทั้งนี้ หุ้นกู้ดังกล่าวได้เสนอขายแล้ว เมื่อวันที่ 2-4 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเสนอขายให้แก่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ (PP-II & HNW) เสนอขายจริงได้เต็มจำนวน 100 ล้านบาท และออกตราสารหนี้เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2564 โดยครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 5 สิงหาคม 2566 อัตราดอกเบี้ย 6.75% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน

สำหรับวัตถุประสงค์ในการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ เป็นการระดมทุนให้กับบริษัท กรีนเอิร์ธ เอ็นเนอร์จี จำกัด (GEE) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ เพื่อใช้ในการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ ในจังหวัดสุพรรณบุรี และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินการของบริษัทฯ

อนึ่ง ก่อนหน้านี้ บริษัทฯ ได้ออกหุ้นกู้จำนวนไม่เกิน 150 ล้านบาท ชื่อ “หุ้นกู้มีประกันของบริษัท ธีระมงคล อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2564 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2566 ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดไถ่ถอน” (TMI236A) อายุ 2 ปี  เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา โดยเสนอขายได้ 98.4 ล้านบาท และมีอัตราดอกเบี้ย 6.75% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน

“การออกในหุ้นกู้ครั้งนี้ ถือเป็นการออกหุ้นกู้ครั้งที่ 2 ในรอบปี โดยครั้งแรกออกเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา โดยมูลค่าของการออกหุ้นกู้ทั้ง 2 ครั้ง รวมอยู่ที่ 198.4 ล้านบาท สำหรับเม็ดเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ส่วนใหญ่เพื่อการลงทุนในโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพและเป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในบริษัทฯ เนื่องจากบริษัทฯ มีแผนที่จะขยายธุรกิจพลังงานเพิ่มขึ้น โดยเริ่มจากการสร้างโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพเพิ่มขึ้น” นายธีระชัยกล่าว

นายธีระชัย กล่าวอีกว่า ในช่วงที่เหลือของปีบริษัทฯ น่าจะรักษาการเติบโตไว้ได้ จากการขายไฟฟ้าซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้น โดยบริษัทฯ ประเมินว่าการขายไฟฟ้าจะส่งผลให้มีการปรับสัดส่วนรายได้ หลักจากการขายหลอดไฟลดลงและมีรายได้จากการขายไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับบริษัทฯ วางแผนที่จะพัฒนาและต่อยอดขยายการลงทุนในโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้นต่อไปในอนาคต นอกเหนือจากการพัฒนาสินค้าใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ครอบคลุมต่อมากยิ่งขึ้น

Skip to content