เขย่าขวดขายตรง โดย คมกริบ 12 พฤศจิกายน 2564
ธุรกิจเครือข่ายขายตรงในประเทศไทย มีกฎหมายควบคุมตาม พรบ. ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ 2545 ซึ่งในปีหน้า พ.ศ. 2565 ก็จะครบ 20 ปีเต็ม ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการสนใจในธุรกิจนี้ ขอจดทะเบียนทำธุรกิจขายตรงแล้วกว่า 1,000 บริษัท โดยบริษัทที่ประสบความสำเร็จมียอดขายทั้งปีเกิน 1 พันล้านบาทอยู่ราว 10 กว่าบริษัท ส่วนคนทำขายตรงหรือผู้จำหน่ายอิสระ ที่มีรายได้ สูงๆ เกินเดือนละ 100,000 บาท มีราว 20 เปอร์เซ็นต์ในแต่ละบริษัท ซึ่งจากภาพรวมดังกล่าวจะเห็นได้ว่า อัตราการเติบโตยังน้อยมาก หากจะประมวลผลถึงสาเหตุ ที่ทำให้ธุรกิจขายตรงยังไม่โตเท่าที่ควรเพราะอะไร ตอบสั้นๆ ง่ายๆ ว่า เพราะขาดการส่งเสริมสนับสนุนและประชาสัมพันธ์อย่างจริงจัง ถึงเวลานี้หากจะหาข้อมูลว่า ผลประกอบการของบริษัทขายตรงในประเทศไทย 10 อันดับแรก มีบริษัทใดบ้าง ยอดขายเป็นอย่างไร แล้วจะไปหาคำตอบจากที่ใดถาม Google แล้ว ก็ยังไม่มีคำตอบอาจจะถามหน่วยงานที่รับผิดชอบในเรื่องเหล่านี้ ซึ่งพอจะรู้ได้ว่า มีที่ไหนบ้าง แต่ที่แน่ๆ ตามกฎหมายขายตรง หรือกฎกระทรวง ก็กำหนดให้ทุกบริษัทจะต้องแจ้งผลประกอบการ ทุกๆ 6 เดือน ไปยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ในฐานะเป็นหน่วยงานที่ดูแลในเรื่องนี้ หรือจะไปถามสมาคมที่เกี่ยวข้องกับการขายตรงไทย ก็คงจะได้คำตอบเพียงว่า “ฉันก็ไม่รู้” จะไปถามกับสื่อขายตรงที่เมื่อก่อนมีอยู่ 4-5 หัว เดี๋ยวนี้ก็หายหัวกันไปเกือบหมดแล้ว เพราะขาดการสนับสนุน ทางด้านงบประมาณ จากบริษัทขายตรงต่างๆ แต่ก็ยังมีมุมมอง ที่น่าสนใจอยู่เรื่องหนึ่ง ว่าจะยกระดับธุรกิจขายตรงให้เติบโตขึ้นได้อีก
นั่นคือความเห็นของคุณสุทธิศักดิ์ ภัทรมานะวงศ์ ซึ่งดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ สคบ. เมื่อปี พ.ศ. 2556 ได้กล่าวไว้ว่าความเป็นไปได้ในการจัดตั้ง “องค์การมหาชน” สำหรับควบคุมธุรกิจขายตรงแทน สคบ. เฉกเช่นธุรกิจประกันชีวิตประกันภัย ที่มีสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ขึ้นมาดูแลเป็นการเฉพาะ เพราะปัจจุบัน สคบ.เอง ก็มีงานที่ต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค กับธุรกิจอื่นๆ อีกมากมาย ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบก็ว่าได้ เจ้าหน้าที่ก็มีน้อยทำให้ดูแลไม่ทั่วถึง หากมีหน่วยงานที่มารับผิดชอบโดยตรงแล้ว ธุรกิจขายตรงจะได้รับการพัฒนาไปได้เร็วกว่าปัจจุบัน เมื่อเป็นเช่นนี้ถึงเวลาแล้วยัง ที่ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดจะต้องหันหน้ามาจับเข่าคุยกันว่า เราจะทำอย่างไรที่จะช่วยให้ มูลค่ารวมของธุรกิจขายตรงในประเทศไทย ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายปีละ 100,000 ล้านบาท จะต้องรออีกนานแค่ไหน ใครมีคำตอบช่วยบอกที.. คมกริช..12 พฤศจิกายน 2564
More Stories
“กิฟฟารีน” เปิดกระหึ่ม “Giffarine Flagship Store” ภูเก็ต เจาะใจกลางเมือง รับทัพลูกค้าไทย-นักท่องเที่ยวต่างชาติ
แอมเวย์ สร้างความสุข ส่งเสริมให้ผู้คนมีสุขภาพที่ดี ส่งท้ายปี
วีเอชดี ส่ง เมอริช คอฟฟี่ ชิงตลาดกาแฟสุขภาพ 3.4 หมื่นลบ.