เครือข่าย/ขายตรง /MLMNEWS
“ซัคเซสมอร์” พร้อมฟันยอดขายปี ’65 โตอีก 50% ด้วยกลยุทธ์ “LEADING CHANGE” 4 แนวทาง ทั้งยกระดับแบรนด์ / การตลาดดิจิทัล / ระบบออนไลน์และออฟไลน์ที่เกื้อหนุน / สร้างประสบการณ์ที่ประทับใจให้ลูกค้า พร้อมล้อนซ์สินค้าใหม่ตลอดปี รองรับกระแสรักสุขภาพที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
นายแพทย์สิทธวีร์ เกียรติชวนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCM ผู้นำธุรกิจผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคในการดูแลสุขภาพแบบครบวงจร กล่าวว่า บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในรูปแบบเครือข่าย โดยแบ่งได้เป็น 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ 1. ธุรกิจเครือข่ายเพื่อจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและสินค้าอุปโภคบริโภคในประเทศและต่างประเทศ 2. ธุรกิจให้บริการคำปรึกษาในการดำเนินธุรกิจเครือข่ายและรับจัดงานสัมมนา และ 3. ธุรกิจพัฒนาผลิตภัณฑ์และโรงงานผลิตสินค้า
ซึ่งการดำเนินธุรกิจเครือข่ายขายตรง บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท ปัจจุบันมีบริษัทย่อย 3 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ แล็บบอราทอรี่ จำกัด (SML) / บริษัท ซัคเซส สปิริต จำกัด (SPT) / และ SCM Spirit (Myanmar) Co., Ltd. (SPM) ดำเนินธุรกิจใน 3 ธุรกิจ ได้แก่ธุรกิจแบบเครือข่าย ธุรกิจให้บริการคำปรึกษาในการดำเนินธุรกิจเครือข่าย การรับจัดงานสัมมนา และธุรกิจโรงงานผลิตสินค้า
ทั้งนี้ จากแนวโน้มของตลาดผลิตภัณฑ์ในภาพรวมของบริษัทที่เติบโตมากขึ้น ทำให้ไตรมาส 3 ที่ผ่านมา SCM ได้วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นอย่างหลากหลาย โดยเน้นกลยุทธ์การผลิตสินค้านวัตกรรมและคุณภาพของสินค้าที่มีผลลัพธ์ตอบโจทย์ผู้บริโภคอย่างชัดเจน ได้แก่ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม Hy Pro Next / ผลิตภัณฑ์กลุ่มสกินแคร์ ด้วยสารสกัดจากน้ำมันจากเมล็ดกัญชง / และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร Transform soil และเพิ่มไลน์สินค้าอีก 1 รายการจากที่มีอยู่ 2 รายการ คือ Transform Plus ธาตุอาหารรองเสริมพืชที่ใช้ในการฉีดพ่นทางใบ เพื่อให้เกษตรกรได้ใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรแบบครบวงจร
และล่าสุด SCM เปิดตัวสินค้าใหม่เสริมอาหารอีก 2 รายการ ในกลุ่มโภชนบำบัด หรือนูทราซูติคอล คือ Nutriga Canza (เสริมอาหารป้องกันมะเร็ง) และ Nutriga Su-rin (เสริมอาหารป้องกันเบาหวาน) ซึ่งคาดว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะเข้ามาช่วย สนับสนุนยอดขายในไตรมาส 4 นี้และปีหน้า
จากกลยุทธ์ดังกล่าว ประกอบกับการเปิดตัวสินค้าใหม่ และการจัดกิจกรรมการตลาดรูปแบบออนไลน์ ส่งผลให้ SCM สามารถดำเนินธุรกิจภายใต้สถานการณ์โควิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้ง การเติบโตของรายได้จากการจำหน่ายสินค้าผ่านตัวแทนจำหน่ายต่างประเทศ ทั้งประเทศกัมพูชาและสิงคโปร์มีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่กัมพูชามียอดขายเติบโตจากการที่ตราสินค้าของบริษัทฯ เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น นายแพทย์สิทธวีร์ กล่าว
ด้าน นายนพกฤษฏิ์ นิธิเลิศวิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCM เปิดเผยถึงผลการการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2564 มีรายได้จากการขายสินค้าและการบริการรวม 873.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.90 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยส่วนใหญ่เป็นรายได้จากการจำหน่ายสินค้าผ่านนักธุรกิจ 791.6 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 85.3 และรายได้จากการจำหน่ายสินค้าผ่านตัวแทนจำหน่าย 68.4 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 7.4 ทั้งนี้ เป็นผลจากยอดขายในประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และเป็นผลเติบโตในทุกกลุ่มสินค้า โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าทางการเกษตรที่เติบโตถึงร้อยละ 191
ส่วนกำไรสุทธิในงวด 9 เดือนแรกของปี 2564 อยู่ที่ 149.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 299.2% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 37.5 ล้านบาท โดยเป็นผลจากการควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารให้ดีขึ้น
และในปี 2565 ตั้งเป้ารายได้เติบโตมากกว่า 50% ภายใต้ธีม “LEADING CHANGE 2022” การนำสู่การเปลี่ยนแปลง ซึ่งมุ่งเน้นในการขับเคลื่อนด้วยพลังแบรนด์ การตลาดดิจิทัล ระบบที่เน้นการสร้างประสบการณ์ที่ประทับใจของลูกค้า ผ่านการเติบโตในประเทศและต่างประเทศ ด้วยกลยุทธ์สร้างการเติบโต 4 กลยุทธ์ คือ 1. Leverage Brand Energy การยกระดับพลังแบรนด์องค์กรและสินค้าให้สามารถขยายกลุ่มเป้าหมายได้กว้างและลึกขึ้น ตลอดจนการสร้างแบรนด์เลิฟเวอร์อย่างต่อเนื่อง โดยวางเป้าขยายฐานสมาชิกแตะระดับ 150,000 ราย จากปัจจุบัน 120,000 ราย และหากรวมดีลเลอร์จากต่างประเทศ ทำให้ยอดรวมขึ้นสู่ 250,000 ราย / 2. Driving Digital ขับเคลื่อนด้วยระบบดิจิทัลในทุกๆ ฝ่ายงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงานเพื่อเป็นเครื่องมือในการขยายตลา / 3. Create Online & Offline Breakthrough System การสร้างและผสมผสานระบบ Online และ Offline ด้วยการยกธุรกิจมาไว้ในมือถือผ่านแอปพลิเคชั่น SCM CONNEXT เปิดโอกาสให้ทุกคนได้ขยายธุรกิจในรูปแบบออนไลน์ 100% / และ 4. Customer Experience Management การบริหารจัดการและร่วมสร้างประสบการณ์ที่ดีต่อแบรนด์ของลูกค้า
ขณะที่ตลาดต่างประเทศมีการเติบโตที่ดี โดยกัมพูชา โตกว่า 100% สิงคโปร์และมาเลเชีย โตกว่า 50% พร้อมกันนี้ยังวางแผนขยายไปในโซนยุโรปอย่างต่อเนื่องภายในปี 2565 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการขยายตลาด รองรับความต้องการของกลุ่มผู้บริโภค โดยใช้จุดแข็งของไทยตอบรับ เทรนด์สุขภาพของโลก พร้อมปรับกลยุทธ์ Local Marketing ในตลาดต่างประเทศให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคและการแข่งขันในตลาดแต่ละประเทศ ที่เชื่อมโลกออฟไลน์และออนไลน์ไว้ด้วยกัน พร้อมผลักดัน สินค้า Flagship และพัฒนา digital platform และระบบบริหารฐานข้อมูลครบวงจร เสริมด้วยโปรโมชั่นที่จูงใจพร้อมการสื่อสารควบคู่กันไป
More Stories
“กิฟฟารีน” เปิดกระหึ่ม “Giffarine Flagship Store” ภูเก็ต เจาะใจกลางเมือง รับทัพลูกค้าไทย-นักท่องเที่ยวต่างชาติ
แอมเวย์ สร้างความสุข ส่งเสริมให้ผู้คนมีสุขภาพที่ดี ส่งท้ายปี
“กิฟฟารีน” ยืนหนึ่งแบรนด์สุขภาพและความงามสัญชาติไทย