ดอยคำ ส่ง “สารสกัดฟ้าทะลายโจร” เจาะตลาดสุขภาพ ปูพรมปี ’65 รุกตลาดสมุนไพรเต็มตัว

Business
     ดอยคำ เผยภาพรวมตลาดก่อนปิดไตรมาส 4 โควิด ส่งผลให้ยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์สมุนไพรเติบโตกว่า 50% เร่งเดินหน้าพัฒนาสินค้าเจาะกลุ่มสมุนไพร นำร่องส่ง “สารสกัดฟ้าทะลายโจร” ที่มีสรรพคุณลดไข้ บรรเทาอาการเจ็บคอเจาะตลาดสุขภาพ พร้อมเดินหน้าก้าวสู่ตลาดสมุนไพรเต็มรูปแบบในปี 2565

     นายพิพัฒน์พงศ์ อิศรเสนา ณ อยุธยา  กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด กล่าวถึงภาพรวมของการดำเนินงานเพื่อสังคมภายใต้ “ศาสตร์พระราชา” ว่า ตลอดการดำเนินงานที่มุ่งพัฒนาสร้างสรรค์สินค้าจากชุมชนภายใต้คุณภาพและมาตรฐานสากล ผ่านการส่งเสริมผลผลิตจากเกษตรกรไทยมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เพื่อสร้างอาชีพและรายได้ที่ยั่งยืนให้แก่เกษตกรไทย อาทิ มะเขือเทศ เสาวรส สตรอเบอรี่ เป็นต้น ขณะที่การแพร่ระบาดของสถานการณ์โควิด ทำให้ผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจดูแลสุขภาพด้วยสมุนไพรไทยมากขึ้น ดอยคำจึงมุ่งพัฒนาสินค้ากลุ่มสมุนไพรไทยออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ “ฟ้าทะลายโจร” ที่เชื่อว่ายังคงเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคอย่างแพร่หลาย ทั้งเป็นยาทางเลือกประจำบ้านของผู้ที่ต้องการใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ รวมถึงสามารถขยายความต้องการไปยังกลุ่มประเทศอาเซียนได้ในอนาคต

     ด้านนายทวีศักดิ์ เลาหวิโรจน์ รองผู้จัดการใหญ่ (ด้านนวัตกรรม และการผลิต) กล่าวว่าตลอดการดำเนินธุรกิจดอยคำมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์กลุ่มสมุนไพรมาอย่างต่อเนื่อง เน้นรสชาติที่ดื่มง่าย เข้าถึงคนทุกเจเนอเรชั่น ซึ่งมีสินค้าให้เลือกหลากหลาย ทั้งกลุ่มเครื่องดื่มเข้มข้น เช่น เครื่องดื่มกระชายสกัดเข้มข้นผสมน้ำผึ้งและมะนาว, เครื่องดื่มตรีผลาสกัดเข้มข้น / และเครื่องดื่มสมุนไพรขายดี รสชาติอร่อย เช่น น้ำเก๊กฮวยและคาโมไมล์, น้ำสามเกลอ (กระเจี๊ยบ พุทราจีน และมะตูม)
     ล่าสุดเปิดตัวผลิตภัณฑ์ ใหม่ “สารสกัดฟ้าทะลายโจร” ที่มีสารสำคัญแอนโดรกราโฟไลด์ 20 มิลลิกรัมต่อ 1 แคปซูล ซึ่งฟ้าทลายโจรในรูปแบบสารสกัดนี้สามารถควบคุมปริมาณสารสำคัญได้ดีกว่าแบบบดผง ทำให้ออกฤทธิ์เสถียรและมีประสิทธิภาพสูง ผ่านการผลิตโดยโรงงานที่ผ่านมาตรฐานสากล ได้รับมาตรฐาน GMP PIC/S และมีเครื่องหมายรับรองจาก อย. ผู้บริโภคจึงมั่นใจในการบริโภคด้วยความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ      ขณะที่ ภาพรวมสัดส่วนยอดขายปี 2564

นางชนันนัทธ์ พลปัถพี รองผู้จัดการใหญ่ (ด้านขายและการตลาด) เผยว่า ดอยคำยังคงเป็นผู้นำตลาดน้ำมะเขือเทศ โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ดังกล่าวยังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรายได้จากน้ำมะเขือเทศตั้งแต่เดือนมกราคมถึงปัจจุบัน โตกว่า 40% คาดว่าเมื่อจบสิ้นปีจะมีมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท สามารถช่วยชดเชยรายได้ของน้ำผลไม้และผลิตภัณฑ์ผลไม้อื่นๆ ที่ลดลง ส่งผลให้ภาพรวมยอดขายของบริษัทเติบโตขึ้น สินค้าน้ำผึ้งเป็นอีกหนึ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ผู้บริโภคให้การตอบรับในเรื่องคุณภาพ จึงทำให้มีศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งปีนี้ น้ำผึ้งดอยคำ มียอดการเติบโตสูงกว่า 50% จากผลิตภัณฑ์ใหม่ต่างๆ ได้แก่ น้ำผึ้งแท้แบบหลอดบีบ ขนาด 120 กรัม ซึ่งสร้างรายได้แล้วกว่า 50 ล้านบาท น้ำผึ้งผสมมะนาวสร้างรายได้กว่า 25 ล้านบาท ทั้งนี้ ยังพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ของน้ำผึ้งอีกหลายรสชาติ ได้แก่ น้ำผึ้งผสมขิง น้ำผึ้งผสมเก๊กฮวย น้ำผึ้งผสมอบเชย และน้ำผึ้งผสมส้ม ซึ่งได้วางจำหน่ายเมื่อไตรมาส 3 ที่ผ่านมา รวมถึงผลิตภัณฑ์กลุ่มสมุนไพรที่เติบโตกว่า 50% นำมาสู่สินค้าใหม่ล่าสุด ได้แก่ สารสกัดฟ้าทะลายโจร ที่เป็นผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพร นำเสนอเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการดูแลรักษาร่างกายจากสมุนไพรที่ได้รับการยอมรับกันมากขึ้นทั้งในวงการแพทย์และประชาชนทั่วไป มีช่องทางจำหน่ายทั้งหน้าร้านดอยคำทุกสาขาทั่วประเทศ และช่องทาง Online Official Store ของดอยคำ ได้แก่ Shopee / Lazada / JD Central และ LINEOA : @doikhamclick
     สำหรับทิศทางของผลิตภัณฑ์ปี 2565 ดอยคำยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์กลุ่มสุขภาพและสมุนไพรต่อเนื่อง ทั้งในรูปแบบเครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อนำร่องก้าวเข้าสู่ตลาดสมุนไพรเต็มรูปแบบ ภายใต้ความมั่นใจในสรรพคุณของสมุนไพรที่ว่า สมุนไพรเป็นภูมิปัญญาที่มีคุณค่า ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่าย ในส่วนของกลยุทธ์ทางการสื่อสารนั้นให้ความสำคัญกับการบูรณาการใช้เครื่องมือสื่อสารให้เป็น Performance Media เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงช่องทางการขายได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น มีการวิเคราะห์ฐานข้อมูล ผ่านโปรแกรมติดตามพฤติกรรมการใช้สื่อของผู้บริโภค นำมาสู่การปรับปรุงเนื้อหาให้มีคุณภาพและตรงใจกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น อีกทั้งเพิ่มความถี่ช่องทางการสื่อสารในสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อเน้นสร้างการรับรู้ควบคู่ไปกับการกระตุ้นให้เกิดยอดขาย พร้อมขยายฐานการรับรู้ไปยังผู้บริโภคกลุ่มใหม่ๆ ทั้งใน Gen Y และ Z  ซึ่งจะเป็นฐานผู้บริโภคที่สำคัญของดอยคำในอนาคต นอกจากนี้ จะมีการนำเทคโนโลยีมาใช้เพิ่มความน่าสนใจให้สื่อนอกบ้านมากขึ้นเพื่อนำเสนอภาพลักษณ์ความทันสมัย ตอกย้ำการจดจำสินค้าอย่างสม่ำเสมอ นำมาสู่ภาพรวมการสื่อสารที่ครบวงจรและมีประสิทธิภาพ