สะท้อนผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งพร้อมรุกธุรกิจ Non-oil เต็มกำลังในปี 2565
Business
“ทริสเรทติ้ง” คงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ PTG ที่ระดับ “BBB+” แนวโน้ม “คงที่” สะท้อนมุมมองของทริสเรทติ้งที่มีต่อสถานะการดำเนินงานของบริษัทที่ยังสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ถึงแม้ว่าจะมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ในปีที่ผ่านมา
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท พีทีจีเอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด (TRIS Rating) ได้จัดอันดับเครดิตองค์กรและอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของพีทีจีที่ระดับ BBB+ พร้อมแนวโน้มโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของบริษัท ในการรักษาสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในตลาดค้าปลีกน้ำมัน เนื่องจากมีการวางแผนธุรกิจอย่างรอบคอบและรัดกุม พร้อมกับการจัดอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 1.2 พันล้านบาท อายุไม่เกิน 3 ปีของบริษัทที่ระดับ “BBB+” เช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่าบริษัทจะได้รับประโยชน์จากการผ่อนคลายมาตรการปิดเมืองและการกลับมาของกิจกรรมการท่องเที่ยวอีกด้วย ถึงแม้ว่าการกลายพันธุ์ของโรคไวรัสโควิด-19 ล่าสุดอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นและส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจต้องล่าช้าออกไป โดยทริสเรทติ้งมองว่าการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจค้าปลีกน้ำมันและราคาน้ำมันที่ผันผวนยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ ดังนั้นเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงยืดเยื้อ ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะกลับมาขยายธุรกิจอีกในระยะยาวเมื่อเห็นว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่น่าเชื่อมั่นมากกว่านี้
“ทริสฯ ยังคงการจัดอันดับเครดิตของบริษัทเช่นเดียวกันกับปีที่ผ่านมา และเชื่อมั่นต่อความสามารถในการบริหารงานจัดการและความสามารถในการทำกำไรของบริษัทอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในส่วนของบริษัทเองนั้น คาดว่าจะสามารถรักษาระดับการเติบโตของปีนี้ได้ถึงแม้จะมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธ์ใหม่เพิ่มขึ้น โดยยังคงตั้งเป้าการเติบโตของยอดจำหน่ายน้ำมันในธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน และเดินหน้าลงทุนในธุรกิจ Non-oil อย่างจริงจังในปีนี้” นายพิทักษ์ กล่าว
นายพิทักษ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของการลงทุนในปีนี้ บริษัทได้คาดการณ์งบลงทุนสำหรับปี 2565 โดยจะเป็นการลงทุนทั้งในส่วนของการขยายสถานีบริการน้ำมัน และสถานีให้บริการแก๊ส LPG รวมถึงการลงทุนในธุรกิจ Non-Oil และธุรกิจใหม่ ทั้งในส่วนของธุรกิจ LPG ครัวเรือน ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม โดยมีแผนที่จะขยายสาขาร้านกาแฟพันธุ์ไทยทั้งในและนอกสถานีบริการ ธุรกิจศูนย์บริการซ่อมบำรุงรักษารถยนต์ Autobacs ซึ่งมีแผนที่จะขยายสาขาให้มีมาตรฐานเพิ่มมากขึ้น” นายพิทักษ์ กล่าว
More Stories
เซ็นทรัลพัฒนา ทุ่ม 700 ล้านบาท ปลุกเศรษฐกิจไทยในแคมเปญ ‘The World’s Great Celebration 2025’ ผนึก ททท. และพันธมิตร สร้างอภิมหาความสุขทั่วประเทศ ชูไทยจุดหมายปลายทางระดับโลก
TikTok มุ่งมั่นยกระดับแพลตฟอร์มเพื่อความปลอดภัยของเยาวชนและครอบครัวไทย
เลอโนโว เปิดตัวเอไอพีซีรุ่นใหม่ล่าสุด ยกระดับประสบการณ์ให้ผู้บริโภคในยุคเอไอเจนเนอเรชัน พร้อมวางจำหน่ายแล้ววันนี้ในประเทศไทย