26 พฤศจิกายน 2024

THE MASTER

ย่อโลกข่าวไว้ในมือคุณ

SCN โชว์กำไรสุทธิปี 64 โต 59% เตรียมปันผล 66 ล้านบาท หรือ 0.055 บาทต่อหุ้น

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

Business

ดร.ฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานประจำปี 2564 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 69 ล้านบาท เติบโต 59.0% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า พลิกสถานการณ์โควิด- 19 ได้อย่างน่าชื่นชม โดยมีรายได้จากการขายและบริการ อยู่ที่ 1,686 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 190 ล้านบาท หรือ 12.7% และมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) 314.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.4% 

รายได้ที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านั้น ยังคงมาจากรายได้จากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับผลิตภัณฑ์ก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯ โดยมีรายได้ 1,065.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 84.6 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 8.6% เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับบริษัทฯ มีรายได้ซ่อมบำรุงรักษาสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ (NGV) เพิ่มขึ้นจากการได้สัญญาใหม่กับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ระยะเวลาสัญญา 2 ปี มูลค่ากว่า 195 ล้านบาท โดยเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ต้นปี 2564

ในส่วนธุรกิจจำหน่ายรถยนต์ อะไหล่ และซ่อมบำรุงรถโดยสารปรับอากาศ มีรายได้ 140.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63.7 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 83.5% โดยนอกจากจะสามารถดำเนินงานจากสัญญาซ่อมบำรุงรถเมล์ NGV ได้เป็นอย่างดีตามเป้าหมายแล้ว บริษัทยังมีการปรับกลยุทธ์ให้มีการจัดจำหน่ายอะไหล่ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจยานยนต์ ซึ่งเริ่มดำเนินงานเมื่อช่วงต้นปี 2564 ที่ผ่านมา จนสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ด้านธุรกิจพลังงานหมุนเวียนมีรายได้ 145.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.3 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 28.5% เนื่องจากยอดขายชิ้นส่วนอะไหล่ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับงานโซลาร์รูฟท็อปเพิ่มขึ้น รวมถึงการเพิ่มขึ้นของรายได้การจำหน่ายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 1.27 MW ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ นอกจากนี้สำหรับอีกหนึ่งธุรกิจดาวเด่นของ SCN คือโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ณ เมืองมินบู ยังคงสร้างรายได้ต่อเนื่อง ทำให้บริษัทรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน 59.0 ล้านบาท  บวกกับ การรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจำนวน 13.0 ล้านบาทจากการ COD เพิ่มเติมของโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคาผ่านบริษัท สแกน แอดวานซ์ เพาเวอร์ จำกัด (SAP) ซึ่งมากขึ้นกว่าปีก่อนหน้า 83.1% พร้อมเดินหน้าขยายกำลังการผลิตต่อเนื่องเพื่อสร้างผลประกอบการเพิ่มขึ้นในอนาคต

สุดท้ายสำหรับธุรกิจขนส่ง ไม่น้อยหน้า สร้างรายได้โต 19.1%  เพราะนอกจากจะมียอดขนส่งก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้นจากปริมาณการใช้ก๊าซที่สูงขึ้นแล้ว บริษัทยังได้รับชัยชยะการประมูลงานขนส่งก๊าซธรรมชาติเพิ่มเติมอีก 2 สัญญา ซึ่งบริษัทฯ เริ่มดำเนินงานและรับรู้รายได้จากสัญญาดังกล่าวตั้งแต่เดือนกรกฎาคมและเดือนธันวาคม 2564 ทำให้กลุ่มธุรกิจขนส่งของบริษัทสามารถทำรายได้ได้ดีกว่าปีที่ผ่านมา

​                “การที่รายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรเพิ่มขึ้นในทุกภาคธุรกิจ โดยเฉพาะความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจก๊าซธรรมชาติ การขนส่ง และธุรกิจจำหน่ายอะไหล่ที่เกี่ยวเนื่องกับยานยนต์ที่เริ่มดำเนินการในปีนี้ รวมถึงประสบความสำเร็จจากการเข้าไปลงทุนในบริษัทร่วมทั้งจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ณ เมืองมินบู ประเทศเมียนมา และจากโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา ผ่านบริษัท สแกน แอดวานซ์ เพาเวอร์ จำกัด หรือ SAP ที่สามารถสร้างกำไรได้เป็นอย่างดี” ดร.ฤทธี กล่าว

ทั้งนี้สำหรับงบปี 2564 นี้บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายพิเศษที่เกิดขึ้นจากการโอนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจ iCNG ไปยังบริษัท เครือข่ายก๊าซ ไทย-ญี่ปุ่น จำกัด หรือ TJN จำนวน 11.0 ล้านบาท เพื่อจำหน่ายหุ้น 49% ของ TJN ให้กับบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่จากประเทศญี่ปุ่นในนาม “Shizuoka Gas Company Limited (SZG)” เพื่อร่วมมือขยายธุรกิจก๊าซธรรมชาติในระดับสากล โดยบริษัทฯ ได้ดำเนินการขายหุ้นจำนวน 49% ของ TJN ให้แก่ SZG แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2565 ส่งผลให้มีเม็ดเงินเข้ามาจำนวน 313.1 ล้านบาทเรียบร้อยแล้ว แต่บริษัทฯ ยังไม่ได้บันทึกรายได้ดังกล่าวในรอบผลประกอบการปี 2564 นี้ ประกอบกับบริษัทฯ มียอดค้างชำระของลูกค้าบางส่วนซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้จำเป็นต้องบันทึกผลขาดทุนจากการด้อยค่าตามมาตรฐานบัญชี TFRS 9 จำนวน 37.8 ล้านบาท ซึ่งหากหักผลกระทบดังกล่าวออกไป จะทำให้บริษัทฯ บันทึกกำไรในปี 2564 สูงขึ้นเป็น 117.8 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 171.4%

โดยดร. ฤทธี เผยต่อว่า คณะกรรมการบริษัทไฟเขียว มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลประจำปี 2564 ให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราหุ้นละ 0.055 บาท รวมจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น 66 ล้านบาท จากผลประกอบการที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น  โดยเตรียมเสนอขออนุมัติในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นวันที่  27 เม.ย. 2565 และจะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record date) ในวันที่  6 พฤษภาคม 2565 เพื่อจ่ายเงินปันผลในวันที่  23 พฤษภาคม 2565

สำหรับในปี 2565 นี้ บริษัทฯ คาดว่าสามารถเติบโตได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาน้ำมันที่ยังคงสูงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติยังอยู่ในระดับสูง ประกอบกับสามารถรับรู้รายได้ต่อเนื่องจากการชนะประมูลสัญญาในหลายโครงการอย่างต่อเนื่องเมื่อปีที่ผ่านมา นอกเหนือไปกว่านั้นยังมีธุรกิจน้องใหม่ อย่างธุรกิจกัญชงที่คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญให้กับบริษัทได้ รวมถึงโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ณ เมืองมินบู ประเทศเมียนมา ที่มีแผนเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เฟส 2 เพิ่มขึ้นได้ในปีนี้อย่างแน่นอน

ทั้งนี้ SCN ยังคงมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจตามแผนกลยุทธ์ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง พร้อมเสริมสร้างศักยภาพในการเติบโตทางธุรกิจและการมองหาตลาดใหม่ ๆทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจที่เข้มแข็ง สนับสนุนให้ธุรกิจเติบโตอย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืน ควบคู่กับการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง

Skip to content