Article
อยากกินต้องได้กิน พฤติกรรมนั่งแช่ ผู้ป่วยติดโต๊ะ สู้ชีวิตแต่ชีวิตสู้กลับ ไม่นับมลภาวะและเชื้อโรคที่อยู่รายล้อมเราอยู่ในทุกวัน ไลฟ์สไตล์และการดำเนินชีวิตในปัจจุบันนี้ทำให้คนเราบริโภคอาหารและขนมแบบตามใจปาก และส่วนมากเป็นอาหารที่ไม่ได้มีโภชนาการและทำให้ร่างกายได้รับพลังงานมากเกินความต้องการ การสรรหาของอร่อยรับประทานสามารถตอบโจทย์ชีวิตได้ในทุกโอกาส ไม่ว่าจะเฉลิมฉลอง คลายเครียดหรือทานตามกระแส อาหารอร่อยเหล่านี้มักเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูง อาทิ หวาน ทอด เค็ม มัน ทำให้เกิดการสะสมไขมันในร่างกายได้ง่าย โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง ไม่แค่เฉพาะอาหารเท่านั้นที่เป็นตัวการทำลายสุขภาพ แต่ความเทคโนโลยีต่างๆ และสภาพการทำงานแบบ Work From Home ที่ทำให้ไม่ค่อยได้มีการเคลื่อนไหวยังทำให้ลดการใช้พลังงานในแต่ละวันและทำให้น้ำตาลสะสม ก็ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้การเผาผลาญลดลงได้อีกด้วย นอกจากนี้ความเครียดยังเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ระบบการควบคุมน้ำตาลในเลือดผิดปกติอีกด้วย อาการเสี่ยงเหล่านี้ หากปล่อยไว้นานอาจทำให้เกิดโรคติดต่อไม่เรื้อรังตามมาได้มากมาย อาทิ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ
แอมเวย์ห่วงใยสุขภาพคนไทย ขอแนะนำเคล็ดลับง่ายๆ ที่เป็นตัวช่วยในการควบคุมน้ำหนัก และช่วยในออกกำลังกายได้นานขึ้นด้วยการเพิ่มการเผาผลาญไขมัน
3 เคล็ดลับ ดูแลรูปร่างให้ดีอยู่เสมอ
- เลือกรับประทานอาหาร
ปรับชนิด ปริมาณอาหาร และลดการทานอาหารประเภทมัน ทอด หวาน ที่จะทำให้เกิดไขมันและปริมาณน้ำตาล นอกจากนี้ ยังควรปรับเวลาการรับประทานอาหาร รับประทานอาหารให้เป็นเวลาและไม่ทานอาหารใกล้เวลานอน เลือกบริโภคโปรตีนดีและไขมันต่ำอย่างเนื้อไก่ เนื้อปลา ผักใบเขียว ผลไม้ ซึ่งจะมีส่วนช่วยคุมอาหารให้ร่างกายได้รับพลังงานอย่างเพียงพอ ไม่มากไปจนเกิดไขมัน ควบคุมอาหารเพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงานอย่างเพียงพอ ไม่มากจนเหลือเก็บสะสมเป็นไขมันในร่างกาย
นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกทานอาหารเสริมที่เหมาะสม อาทิ อาหารเสริมที่มีส่วนประกอบสารสกัดจากส้มแขก หรือ ไฮดรอกซีซิตริก แอซิด (Hydroxycitric acid: HCA) ซึ่งเป็นหนึ่งในสารออกฤทธิ์สำคัญที่ช่วยในการควบคุมน้ำหนักที่นิยมใช้ในปัจจุบัน HCA เป็นอนุพันธ์ของซิตริก แอซิด (Citric acids) ที่ได้จากการสกัดจากผลส้มแขก (Garcinia cambogia)และพืชในสกุลมังคุด เป็นพืชที่นิยมใช้เพื่อเพิ่มรสเปรี้ยวในการประกอบอาหาร งานวิจัยโภชนาการพบว่า HCA มีประโยชน์ในการควบคุมน้ำหนัก โดยช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมันและลดความอยากอาหาร ลดและชะลอการย่อยคาร์โบไฮเดรต ชะลอการสังเคราะห์ไขมันและคอเลสเตอรอลและกระตุ้นความอิ่มได้
- ปรับพฤติกรรม ลดความเครียดและพักผ่อนให้เพียงพอ
ความเครียดเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้มีการสะสมไขมันในช่องท้องและเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ระบบการควบคุมน้ำตาลในเลือดผิดปกติอีกด้วย ใช้เวลาว่างนอกเวลางานผ่อนคลายด้วยการหากิจกรรมที่ชอบและปรับพฤติกรรมการนอน ในแต่ละวันร่างกายควรนอนหลับวันละ 7 – 8 ชั่วโมง การอดนอนทำให้ร่างกายไม่ดึงไขมันมาใช้ สะสมความเครียดและอ้วนลงพุง และทำให้ตื่นมาอย่างอ่อนเพลียไม่สดชื่น
- ออกกำลังกาย เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
การออกกำลังกายที่เหมาะสมตามวัยหรือสภาวะของร่างกายเป็นวิธีควบคุมน้ำหนักและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่เห็นผลจริง ปลอดภัย และประหยัดที่สุด ในปัจจุบันนี้มีทางเลือกการออกกำลังกายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายที่บ้านหรือฟิตเนสต่างๆ ทางการแพทย์[1]แนะนำให้ออกกำลังกายนานประมาณ 10 – 30 นาทีต่อวัน สัปดาห์ละ 3 วันหรือวันเว้นวัน หรือออกกำลังกาย 10 นาที หากรู้สึกเหนื่อยก็หยุดพักก่อนแล้วจึงออกกำลังกายต่ออีกจนครบเวลา 30 นาทีก็ได้ การออกกำลังกายที่สม่ำเสมอจะช่วยทำให้ร่างกายและกล้ามเนื้อมีความแข็งแรง สดชื่นและกระฉับกระเฉง นอกจากนี้ ยังช่วยลดความเครียดและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้อีกด้วย
จะเห็นได้ว่า การดูแลรูปร่าง พร้อมสุขภาพที่ดี ไม่ใช่เรื่องยากเลย หากมีความตั้งใจในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และเลือกรับประทานอาหารและหาความรู้เกี่ยวกับอาหารเสริมที่เหมาะกับร่างกาย
[1] https://www.thaihealth.or.th/Content/25028-
More Stories
J&C เปิดตัวสินค้าใหม่ “HERBALANCE”
โรงพยาบาลวิมุต สถาบันประสาทวิทยา และ Agnos health ร่วมทดสอบการใช้งาน ‘AN AN Bot’ AI ช่วยตอบคำถามผู้ป่วย
ครั้งแรกของซุปตาร์ตัวพ่อ “ณเดชน์ คูกิมิยะ” กับการก้าวสู่วงการนวัตกรรมความงาม!