Article
โลกปัจจุบันทำให้เราต้องเชื่อมต่อกับผู้คนอยู่ตลอดเวลาโดยปริยาย จะงานหรือไลฟ์สไตล์ก็ต้องออนเสมอ ยิ่งพอเจอ COVID – 19 ก็แทบจะทำให้จำไม่ได้แล้วว่า ครั้งล่าสุดถ้าไม่ใช่ตอนนอนหลับ “ชีวิตออฟไลน์” เราเป็นยังไงบ้างนะ แต่พอจะลองใช้ชีวิตออฟไลน์ดูบ้าง ก็อดจะหยิบมือถือขึ้นมาเช็คไม่ได้ (เพราะมันติดไปซะแล้ว) กลายเป็นว่าชีวิตออฟไลน์ในยุคนี้เป็นเรื่องท้าทายสุดๆ ลองมาดูว่าคุณน่ะรับมือกับชีวิตออฟไลน์ได้ใน Level ไหน ผ่าน 6 กิจกรรมชวนออฟไลน์เหล่านี้
Level 1 – เริ่มต้นได้ดี
1 ชั่วโมงออฟไลน์ กับการออกกำลังกายเบิร์นแรง
- 1 ชม. ออฟไลน์ กับ การ Exercise เป็นช่วงเวลาที่กำลังดี หากจะวิ่ง ก็เผาผลาญได้ถึง 800 – 1,000 แคลอรี เบิร์น หมูกระทะบุฟเฟต์ได้ทั้งมื้อ หากเป็นโยคะ ก็ได้ถึง 150 – 500 แคลอรี หรือจะเป็นการปั่นจักรยาน ก็ได้ถึง 400 – 500 แคลอรีเทียบได้กับข้าวมันไก่หนึ่งจานเต็ม หากเป็นเวทเทรนนิ่ง ก็ได้ประมาณ 5 ท่าอย่างต่ำ ลองไม่หยิบมือถือขึ้นมาดูระหว่างเซต จะได้ออกแรงแบบไร้ความกังวล ก็ยิ่งทำให้การออกกำลังกายมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
1 ชั่วโมงออฟไลน์ กับการเล่นกับเจ้าต้าวแสนรู้
- ปัจจุบันมีหลักฐานที่ยืนยันว่าสัตว์เลี้ยงช่วยให้เจ้าของมีสุขภาพจิตดีขึ้น เล่นกับสุนัขและแมว หรือจะเป็นสัตว์เลี้ยงอื่นๆ จะส่งผลให้ร่างกายหลั่งสารความสร้างสุข อาทิ เซโรโทนิน (Serotonin) และ โดปามีน (Dopamine) ออกมามากขึ้น ทำให้เจ้าของรู้สึกสงบและมีความสุขอย่างมาก ยิ่งสมัยนี้เวิร์คฟอร์มโฮม เรียนฟอร์มโฮม เจ้าตัวแสบอาจจะมาป้วนเปี้ยนหน้าคอมบ่อยๆ ทีนี้ลองตั้งใจใช้เวลาออฟไลน์กับพวกน้องดูสิ…แฮปปี้
1 ชั่วโมง กับการเนรมิตเมนูโปรด
- การทำอาหารเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมยอดฮิตหากต้องการหลีกหนีจากความเครียดช่วงเวิร์คฟอร์มโฮม ให้ชีวิตมีอย่างอื่นนอกจากงาน งาน งานดูบ้าง ซึ่งช่วงที่ผ่านมาก็ทำให้หลายคนค้นพบความสามารถในการทำอาหาร หรือ จะอบขนม ซึ่งใน 1 ชั่วโมงนี้ก็ได้จานต้มผัดแกงทอดตั้ง 1 – 3 เมนูเลยทีเดียว
Level 2 – ขอนับถือในความแน่วแน่ของคุณ
1 ชั่วโมงออฟไลน์ กับการอ่านหนังสือคลายเครียด
- ถึงเวลาเคลียร์หนังสือที่ซื้อมากองไว้บนชั้นที่ซื้อมาจากงานสัปดาห์หนังสือเมื่อปีกลาย ลองชาเลนจ์ตัวเองเบาๆ ด้วยการตั้งภารกิจอ่าน 1 ชั่วโมงทุกวันดูสิ การอ่านหนังสือเป็นกิจกรรมที่ต้องการสมาธิ แล้วเมื่อจุดติดแล้วก็ยิงยาวได้สบายๆ ไม่วอกแวกอยากเช็คมือถือ ทีนี้ก็จะได้ซื้อเล่มใหม่แบบไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจ ส่วนจะอ่านได้มากน้อยก็ขึ้นอยู่กับความเร็วของแต่ละคน การอ่านหนังสือประจำจะช่วยลดความเครียดได้ไปในตัว
1 ชั่วโมง กับการกินข้าว เมาท์กับเพื่อน
- เพื่อนฝูงที่เราอาจจะไม่ได้นัดเจอบ่อยๆ เมื่อนัดเจอกินข้าวกันทั้งที ลองทำตัวออฟไลน์แล้วเอนจอยกับอาหารและบทสนทนาเบื้องหน้าแบบเต็มๆ ดูบ้าง สร้าง Quality Time ได้โดยไม่ต้องหยิบมือถือขึ้นมา (เว้นแต่ว่าหยิบมาถ่ายรูปอาหารหรือรูปรวมแก๊งสักหน่อย) แถมเป็นการให้เกียรติเพื่อนหรือผู้ที่อยู่ตรงหน้าเราด้วยนะ
เลเวล 3 – คุณน่ะมันระดับเซียน!
1 ชั่วโมง กับการงดตามงานลูกน้อง
- ข้อนี้คงไม่ต้องอธิบายมาก แต่เชื่อว่าหากทำได้ก็น่าจะวินวินทั้งเจ้านายและลูกน้อง ลองบริหารจัดการช่วงเวลาในการตามงานในแต่ละวันดูซิ เช่น ช่วงเวลา 9 – 11 โมงของทุกวันจะตามงานต่างๆ แล้วปล่อยให้เจ้าตัวไปทำงานทั้งวันที่เหลือ ส่วนงานใหม่ที่นึกออก หากไม่รีบเกินไป เก็บเอาไว้ตามในวันรุ่งขึ้น การตามงานเป็นช่วงเวลาจะช่วยลดความเครียดจากการทำงานออนไลน์ได้ระดับหนึ่ง (ซึ่งก็มากอยู่) ทำให้เหล่าลูกน้องไม่ต้องคอยหวาดวิตกว่าข้อความจากหัวหน้าจะเด้งเมื่อไหร่ มีเวลาโฟกัสกับงานตรงหน้าได้อย่างเต็มที่ เวลาเดียวกันควรผลักดันให้ลูกน้องอัปเดตงานหัวหน้าเป็นช่วงเวลาเช่นกัน
และนี่ก็ความท้าทายเล็กๆ แต่น่าสนุกสำหรับหลายๆ คน เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ THE OFFLINE HOUR ที่ LINE ประเทศไทยกำลังผลักดันให้คนไทยมี Digital Wellbeing เพราะการจะมีชีวิตดิจิทัลที่ดีในระยะยาว เราก็ไม่ควรละเลยที่จะรักษาสมดุลใช้ชีวิตออฟไลน์ให้มีคุณภาพด้วยเช่นกัน
#OFFLINEHOUR
#คิดก่อนส่งลังเลก่อนLINE
#LINEThailand
More Stories
วีเอชดี ส่ง เมอริช คอฟฟี่ ชิงตลาดกาแฟสุขภาพ 3.4 หมื่นลบ.
BDMS Wellness Clinic คว้ารางวัล CEO of the Year 2024 จาก Bangkok Post
SOLUX Clinic เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ ตอกย้ำความสวยที่มีระดับ (พรีเมียม)