ข่าวขายตรง
คาดการณ์ภาพรวมอุตสาหกรรมขายตรงปี 2564 โตขึ้นแน่นอน เผยโควิดส่งผลให้บริษัทในวงการปรับตัวสอดรับวิกฤต ขณะที่เทรนสินค้าเพื่อสุขภาพยังคงมาเป็นอันดับหนึ่ง สนองตอบสถานการณ์โควิดรอบใหม่
ปี 2563 ถือเป็นปีที่ทุกธุรกิจต้องมีการปรับตัวกันครั้งใหญ่ จากสถานการณ์โควิด 19 ที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อทุกอุตสาหกรรรมธุรกิจทั่วโลก โดยในส่วนของประเทศไทย ถึงแม้ว่าภาครัฐจะมีมาตรการควบคุมโรคระบาดนี้อย่างรัดกุม แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้กลับมาคึกคักได้ หลายธุรกิจซบเซา ถึงขั้นต้องปิดตัวลงก็มี ขณะที่ในวงการอุตสาหกรรมขายตรงต้องปรับตัวเพื่อให้ธุรกิจอยู่รอดเช่นกัน ซึ่งวิธีการปรับตัวหนึ่งที่เห็นอย่างเด่นชัดคือ ใช้เครื่องมือออนไลน์เป็นกลยุทธ์หลักกันมากขึ้น ที่นอกเหนือจากจะปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์โควิดแล้ว ยังปรับตัวให้เข้ากับโลกยุคดิจิตอลนี้ด้วย
และก้าวเข้าสู่ปี 2564 แม้สถานการณ์โควิด-19 จะกลับมาระบาดในรอบ 2 นี้และมีผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก แต่หลายค่ายในวงการขายตรงก็ไม่หวั่นเพราะมีประสบการณ์จากการระบาดในรอบแรก และได้มีการเตรียมตัวปรับแผนการรองรับไว้ ถึงแม้จะมีผลกระทบก็ไม่มาก อาจจะไม่ได้รับความสะดวกในการจัดประชุม หรือกิจกรรมต่างๆที่ต้องพบปะพูดคุย ก็ใช้เครื่องมือทางออนไลน์ที่ใช้ได้ผลเป็นอย่างดี คาดการณ์อนาคตขายตรงปีวัวนี้เติบโต
โดยมีความเห็นจากผู้บริหาร นายกิจธวัช ฤทธีราวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) ระบุถึงภาพรวมขายตรงปีหน้าว่า อุตสาหกรรมขายตรงจะเติบโตขึ้นต่อเนื่องแน่นอน สืบเนื่องมาจากวิกฤตโควิดที่ทุกบริษัทประสบในปี63 สามารถปรับตัวให้ผ่านพ้นช่วงวิกฤตนี้ไปได้ โดยเน้นการทำงานผ่านออนไลน์กันมากขึ้น ปรับกลยุทธ์ในด้านต่างๆ ให้สอดรับกับสถานการณ์ อีกทั้งบริษัทขายตรงเน้นสินค้าด้านสุขภาพเป็นหลักอยู่แล้ว รวมถึงการพัฒนาสินค้าใหม่ให้สอดคล้องกับเทรนโควิด แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของแต่ละบริษัทว่า ในสถานการณ์ที่โควิดอาจจะกลับมาระรอก 2 นั้น ใครจะถอดบทเรียนจากที่ผ่านมาและพลิกวิกฤตเป็นโอกาสได้มากกว่ากัน
ในส่วนของแอมเวย์เอง นายกิจธวัช กล่าวว่า แม้ในปีนี้แอมเวย์จะปรับกลยุทธ์การตลาดแบบยืดหยุ่นทั้งด้านออนไลน์และออฟไลน์ ทั้งยอดขายในกลุ่มสุขภาพยังโตมากสุดถึง 65% จากโรคระบาดโควิด ส่งผลให้คนหันมารับประทานอาหารเสริมเพื่อเสริมสร้างสุขภาพกันมากขึ้น จึงทำยอดขายไปถึง 20,800 ล้านบาท เติบโต 3% และเป็นอันหนึ่งในส่วนแบ่งตลาดขายตรงที่ปีนี้มีรวมกว่า 71,000 ล้านบาท ขณะที่ปีหน้ายังเดินหน้าต่อยอดผลิตภัณฑ์กลุ่มสุขภาพเป็นหลัก แต่เพิ่มจุดเด่นในด้านผลิตภัณฑ์ที่เป็น Innovative Products เพื่อให้นักธุรกิจแอมเวย์ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ด้วยประสบการณ์รูปแบบใหม่ให้กับลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น
ด้าน บริษัท อาเมสซี่ เวิลด์ จำกัด ที่ประกอบธุรกิจมากว่า 1 ปี ด้วยแผนการตลาดแบบไบนารี่ กับแนวคิดการเป็นธุรกิจเน็ตเวิร์คแนวคิดใหม่ที่รองรับสังคมยุคดิจิตอล และตอบโจทย์การทำการตลาดยุคใหม่ โดยการผสาน Network Marketing กับ E-Commerce เข้าด้วยกัน เกิดเป็นแพลตฟอร์มเฉพาะของอาเมสซี่ เน้นการซื้อขายแบบออนไลน์ รวมทั้งสนับสนุนให้ผู้ประกอบการนำสินค้าของตนเข้ามาจำหน่ายในระบบของบริษัท เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้กับผู้ประกอบการมากขึ้นนั้น
ซึ่งนายธนฤทยย์ พงษ์สิริธนาชน Chief Executive Officer อาเมสซี่ คาดว่าธุรกิจขายตรงปีหน้า จะเห็นการปรับเปลี่ยนวิธีการนำเสนอการขายสินค้าโดยมีเครื่องมือออนไลน์เข้ามาช่วย ทำให้เกิดรูปแบบใหม่ในการขายมากขึ้น แต่ถือเป็นสิ่งดี ที่จะทำให้รูปแบบของ Network Marketing ไปสู่จุดที่ขึ้น ถือเป็นการผสมผสานการปรับตัวรูปแบบใหม่ อันจะทำให้คนทั่วไปหรือผู้บริโภคเข้าใจการทำธุรกิจเครือข่ายเพิ่มมากขึ้น
ทั้งยังระบุถึงภาพรวมอาเมสซี่ปีหน้าว่า ไม่กังวลหากโควิดจะกลับมาอีกรอบ เพราะบริษัทผ่านจุดวิกฤตที่ร้ายแรงระรอกหนึ่งมาแล้ว โดยบริษัทมีการวางระบบแผนธุรกิจเป็นอย่างดี ทั้งการปรับตัวให้สอดรับกับช่วงวิกฤต จึงทำให้ยอดขายโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทะลุ 1,700% ตลอดจนมีการพัฒนาแอพพลิเคชั่น รองรับการเติบโตของสมาชิกที่จะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1 แสนคน ซึ่งจะเปิดตัวต้นปีหน้า
ส่วนด้านผลิตภัณฑ์จะเน้นเทรนสินค้าอุปโภคบริโภค และในกลุ่มอาหารเสริม ที่ช่วยป้องกันร่างกายจากสภาวะโลกในปัจจุบัน ซึ่งคาดว่าในปีหน้าสินค้าจะเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 5,000 รายการ จากปัจจุบันที่อยู่กว่า 1,000 รายการ ใน 10 หมวด อีกทั้งปีหน้าหากหลายประเทศเปิดตัวมากขึ้น จะรุกตลาดต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดทวีปแอฟริกา
ขณะที่นายพีระเชษฐ โชติคง Chief Operation Officer “บริษัท เวลธี่ ไลฟ์ จำกัด” หรือ (Wellth) มองว่าจะเป็นปีที่บริษัทเติบโตแบบก้าวกระโดด เพราะมีการเตรียมความพร้อมและถอดบทเรียนที่ดีในปีนี้ อันจะส่งผลให้บริษัทเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคง ทั้งเตรียมล้อนซ์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ทั้ง โพไบโอติก , กลูต้า รวมถึงการวางระบบพัฒนาคน การทำตลาดออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ ตลอดจนวางโปรเจคร่วมมือกับมหาวิทยาลัย ภาครัฐ ในการส่งเสริมและสนับสนุนทุกช่องในการดำเนินธุรกิจให้เติบโตเป็นที่รู้จักมากขึ้น
ด้านทิศทางภาพรวมธุรกิจขายตรง มีความเห็นเช่นเดียวกับทั้ง 3 ค่าย ที่จะไปได้ดีเช่นกัน เพราะทุกบริษัทปรับตัวมาสู่ช่องทางออนไลน์ ซึ่งขายตรงยังคงเติบโตขึ้นอย่างแน่นอน แต่ไม่ว่าอุตสาหกรรมขายตรงปี 2564 จะเติบโตขึ้นมากหรือน้อยอย่างไร เชื่อว่าการถอดบทเรียนจากสถานการณ์ที่ผ่านมา และต่อยอดกลยุทธ์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น จะที่เป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ในระยะยาวอย่างมั่นคง
More Stories
แอมเวย์ คว้า 2 รางวัล ผลิตภัณฑ์ในดวงใจคุณพ่อคุณแม่ไทย
ซัคเซสมอร์ เสริมแกร่ง เปิด 2 ผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้แบรนด์ นิวทรินัล (Nutrinal)
J&C เปิดโอกาสทางธุรกิจดีๆที่พิษณุโลก