CSR.
มูลนิธิกฤษณา ไกรสินธุ์ ร่วมกับ กฟผ. และพันธมิตร เดินหน้าผลิตยาสมุนไพรคุณภาพสูงเพื่อคนไทย ภายใต้ลังกาสุกะโมเดล ส่งเสริมการแปรรูปสมุนไพรแบบเคลื่อนที่ต่อเนื่อง ล่าสุดมอบรถแปรรูปสมุนไพรและรถตรวจสอบคุณภาพเคลื่อนที่ 4 คัน ให้โรงพยาบาลจะแนะ จ.นราธิวาส ใช้ผลิตและตรวจคุณภาพสมุนไพรถึงพื้นที่เกษตร ช่วยลดค่าใช้จ่าย เสริมรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของพี่น้อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมเตรียมนำโมเดลต่อยอดในพื้นที่อื่นทั่วประเทศ
วันนี้ (2 มิถุนายน 2565) ดร.จิราพร ศิริคำ รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นประธานในพิธีมอบรถแปรรูปสมุนไพรและรถตรวจสอบคุณภาพเคลื่อนที่ โดยมี ศ.ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์ ประธานมูลนิธิกฤษณา ไกรสินธุ์ รศ.ดร.อิ่มจิต เลิศพงษ์สมบัติ รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) วิทยาเขตปัตตานี นางอนุรัตน์ เทียมทัน ประธานกรรมการ บริษัท ทิปโก้ไบโอเท็ค จำกัด และนางธารทิพย์ ศิรินุพงศ์ ผู้อำนวยการโครงการพัฒนาชุมชน บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย เครือข่ายผู้สนับสนุน ได้แก่ บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) และกลุ่มชุมชนปลูกสมุนไพร (บันนังสาเรง ดอนยาง ยะหริ่ง ยะหา และเทพา) ร่วมส่งมอบรถแปรรูปสมุนไพรและรถตรวจสอบคุณภาพเคลื่อนที่ แก่นายแพทย์ อหมัดมูซูลัม เปาะจิ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะแนะ ณ อาคารผลิตยา โรงพยาบาลจะแนะ จ.นราธิวาส
ศ.ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์ ประธานมูลนิธิฯ เปิดเผยว่า ความร่วมมือระหว่างมูลนิธิฯ และพันธมิตร ได้แก่ กฟผ. ม.อ. บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) บริษัท ทิปโก้ไบโอเท็ค จำกัด บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) โรงพยาบาลจะแนะ และกลุ่มชุมชนปลูกสมุนไพร (บันนังสาเรง ดอนยาง ยะหริ่ง ยะหา และเทพา) เกิดขึ้นเพื่อสร้างความเข้มแข็งทางด้านสาธารณสุขและด้านเศรษฐกิจให้ประชาชนในพื้นที่ โดยให้ประชาชนเข้าถึงยาสมุนไพรที่มีคุณภาพ รวมถึงส่งเสริมอาชีพของชาวบ้านในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ จ.ปัตตานี จ.ยะลา และ จ.นราธิวาส ให้อยู่ดี มีสุข พึ่งพาตนเองได้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของลังกาสุกะโมเดลในการแปรรูปสมุนไพรในพื้นที่ผลิตเป็นยาสมุนไพรคุณภาพสูง ผนวกกับพืชสมุนไพรที่ปลูกในพื้นที่เหล่านี้พบสารสำคัญทางยาที่มีฤทธิ์สูงกว่าพืชสมุนไพรชนิดเดียวกันที่ปลูกในพื้นที่อื่นเนื่องจากดินและน้ำที่นี่ส่วนใหญ่ปลอดจากสารเคมี ยาฆ่าแมลงและโลหะหนัก ดินมีคุณภาพดีมาก มีแร่ธาตุสูง โดยหนึ่งในปัจจัยสำคัญของการแปรรูปสมุนไพรเพื่อทำยารักษาโรค คือ การรักษาคุณภาพและความสดใหม่ของสมุนไพร ซึ่งรถแปรรูปสมุนไพรและรถตรวจสอบคุณภาพเคลื่อนที่ ทั้ง 4 คัน ช่วยผลิตและส่งต่อยาสมุนไพรที่มีคุณภาพสูงสู่มือของชาวบ้านและประชาชนทั่วประเทศให้บริโภคได้อย่างมั่นใจ การันตีคุณภาพยาสมุนไพรโดยได้รับมาตรฐาน GMP: Good Manufacturing Practice จากกระทรวงสาธารณสุข และมาตรฐานฮาลาล ในขณะเดียวกัน มูลนิธิฯ ยังได้ร่วมกับ กฟผ. ส่งเสริมการปลูกสมุนไพรเกษตรอินทรีย์ ในพื้นที่ชุมชนทั้งภาคใต้ ภาคเหนือ ภาคอีสาน และพื้นที่อื่นๆ ที่จะขยายต่อไปในอนาคต เพื่อเป็นวัตถุดิบต้นน้ำในการผลิตยาสมุนไพรที่มีคุณภาพ และให้ชุมชนสามารถสร้างรายได้ จากการปลูกและจำหน่ายสมุนไพรอินทรีย์ และให้คนไทยเข้าถึงยาสมุนไพรคุณภาพดีได้ง่าย เพื่อสุขภาพที่ดีของคนไทย
สำหรับรถที่ส่งมอบแก่โรงพยาบาลจะแนะจำนวน 4 คัน ประกอบด้วย รถแปรรูปขมิ้นชัน รถตรวจสอบคุณภาพเคลื่อนที่ รถแปรรูปฟ้าทะลายโจร และรถลากจูง สามารถรักษาคุณภาพและความสดใหม่ของสมุนไพร เข้าถึงพื้นที่ของเกษตรกรชาวใต้ที่มีความหลากหลาย ลดข้อจำกัดและลดต้นทุนในการขนส่งระยะไกล รวมถึงสามารถเป็นแหล่งเรียนรู้แก่ผู้ที่สนใจการพัฒนาสมุนไพรไทยได้
ด้าน ดร.จิราพร ศิริคำ รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ กฟผ. กล่าวว่า ลังกาสุกะโมเดล โดยมูลนิธิกฤษณา ไกรสินธุ์ ถือเป็นโครงการต้นแบบที่ดีในการแปรรูปสมุนไพรท้องถิ่น ให้ชาวบ้านเข้าถึงบริการสาธารณสุขและยาที่มีคุณภาพ รวมถึงช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพแก่ชาวบ้านอย่างเป็นรูปธรรม โดยใช้กระบวนการทำงานแบบมีส่วนร่วม ส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือของเครือข่าย สร้างความเข้มแข็งในชุมชนอย่างแท้จริง สอดรับกับแนวทางของ กฟผ. ในการดูแลสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม กฟผ. และพันธมิตรจึงได้ร่วมทำงานกับมูลนิธิฯ ในทุกกระบวนการ ตั้งแต่ต้นน้ำ จนถึงปลายน้ำ ทั้งงบประมาณ และการพัฒนารถยนต์สำหรับดัดแปลงเป็นรถควบคุมคุณภาพสมุนไพร เพื่อใช้เป็นห้องวิจัยสมุนไพรเคลื่อนที่คันแรกของโลก และรถลากจูง สำหรับใช้ลากจูงรถแปรรูปฟ้าทะลายโจร ตลอดจนการส่งเสริมและร่วมปลูกสมุนไพรอินทรีย์ ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พื้นที่ใกล้เคียง ชุมชนใต้แนวสายส่ง และพื้นที่ชุมชนที่ กฟผ. ให้การสนับสนุน โดยเฉพาะสมุนไพรฟ้าทะลายโจร ที่มีสรรพคุณในการบรรเทาอาการของผู้ป่วยโควิด-19 เพื่อให้ท้องถิ่นได้มียารักษาโรคขั้นพื้นฐาน หรือสามารถหายจากโรคได้ด้วยตัวเองในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เพื่อมุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชน โดยในอนาคตอาจพัฒนาไปเป็นสินค้า Premium Product และนำไปสู่ธุรกิจเพื่อสังคม หรือ Social Enterprise (SE) ในการร่วมแก้ปัญหาปากท้อง สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนต่อไป
More Stories
“ซึ้งใจมาหาถึงบ้าน” คาราวาน “ผ้าห่มผืนเขียว” เดินทางข้ามหุบเขา มอบไออุ่นถึงมือพี่น้องชาวพิษณุโลก
เอสซีจี เดินหน้าลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในอาเซียน มอบทุนอีก 3 ประเทศ
คาร์กิลล์ สานต่อ ‘โครงการเกษตรอาหารกลางวัน’ สร้างความยั่งยืนทางอาหารให้เยาวชนไทย ตอกย้ำการส่งเสริมความมั่นคงทางอาหารโลก