โรคคล้ายหวัด-โควิด เตือนเด็กเล็กเสี่ยงอาการรุนแรง
กรุงเทพฯ – โรคยอดฮิตของหน้าฝนคงหนีไม่พ้นโรคหวัดและภูมิแพ้ ที่อาจทำให้หลายคนวิตกกังวลเพราะสับสนกับโรคโควิด-19 แม้ว่าในปัจจุบันการแพร่ระบาดจะเริ่มผ่อนคลายลงแล้วก็ตาม แต่ยังมีไวรัสอีกชนิดที่เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ เรียกว่าถอดโมเดลมาจากเชื้อโควิดเลยก็ว่าได้ ซึ่งเรียกว่าไวรัส RSV
ไวรัส RSV หรือ Respiratory Syncytial Virus เป็นไวรัสที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อทางเดินหายใจได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ โดยมี 2 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธ์เอและสายพันธุ์บี ติดต่อจากการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ป่วย เช่น น้ำมูก น้ำลาย หรือเสมหะ ทั้งการสัมผัสโดยตรงและการสัมผัสผ่านสิ่งของ เมื่อได้รับเชื้อจะมีระยะฟักตัว 4 – 6 วัน หรืออาจถึง 8 วัน อาการของผู้ติดเชื้อจะเหมือนหวัดธรรมดา โดยมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล และไอจาม สำหรับผู้ใหญ่หรือเด็กโตอาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นเองได้ แต่สิ่งที่น่ากังวลคือหากเกิดในเด็กที่มีอายุต่ำกว่าสองขวบ หรือเด็กและผู้ใหญ่ที่มีโรคประจำตัวเช่น ปอดเรื้อรัง หอบหืด ภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคหัวใจ เป็นต้น ไวรัสนี้สามารถลุกลามไปยังทางเดินหายใจส่วนล่างทั้งในหลอดลมใหญ่ หลอดลมฝอย และเนื้อปอด จนทำให้เกิดอาการปอดอักเสบได้ ซึ่งเมื่อเกิดการติดเชื้อในทางเดินหายใจส่วนล่างก็อาจมีไข้สูง หายใจเหนื่อยหอบ หายใจมีเสียงวี้ด (Wheezing) และมีเสมหะเยอะมากผิดปกติ
พญ. สุธิดา ชินธเนศ กุมารแพทย์ แพทย์ผู้ชำนาญการโรคระบบการหายใจในเด็ก โรงพยาบาลวิมุต อธิบายเพิ่มเติมว่า “เราพบว่าไวรัส RSV มีโมเดลการแพร่ระบาดคล้ายคลึงกับโรคโควิด-19 อย่างมากจนแทบจะถอดแบบกันมาเลยทีเดียว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่าคือเชื้อไวรัส RSV ในสารคัดหลั่งสามารถคงอยู่บนสิ่งของได้นาน 30 นาทีไปจนถึง 1 ชั่วโมงเลย ดังนั้น ถ้าเราเอามือไปสัมผัสพื้นผิวที่ปนเปื้อนสารคัดหลั่งของผู้ป่วย ไม่ว่าจะบนโต๊ะ ลูกบิดประตู ราวบันได แล้วเอามือมาสัมผัสใบหน้าก็จะติดเชื้อได้ง่ายมาก”
ไวรัส RSV คล้ายกับโรคหวัดอื่น ๆ ที่ไม่มียารักษาจำเพาะ จึงต้องรักษาตามอาการ โดยถ้ามีอาการไอก็ให้ยาแก้ไอละลายเสมหะ ถ้ามีน้ำมูกก็ให้ยาลดน้ำมูก สำหรับในเด็กเล็กที่อาจเกิดอาการรุนแรงกว่าอาจต้องพาไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างรวดเร็ว เพราะเด็กที่มีเสมหะเยอะมาก อาจต้องรับการพ่นยาขยายหลอดลมหรือพ่นน้ำเกลือเพื่อละลายเสมหะ ถ้าเป็นเด็กเล็กมาก ๆ จนไม่สามารถไอเพื่อขับเสมหะออกมาเองได้ ก็อาจต้องใช้อุปกรณ์ดูดน้ำมูกและเสมหะ เพื่อเคลียร์ทางเดินหายใจให้โล่งขึ้น
“ดูเผิน ๆ ไวรัส RSV แทบไม่แตกต่างจากไข้หวัดทั่วไปเลย เพียงแต่อาจจะมีน้ำมูกหรือสารคัดหลั่งเยอะมากจนไปอุดตันทางเดินหายใจ แต่อีกหนึ่งเรื่องที่น่ากังวลเกี่ยวกับโรคนี้คือ หากเกิดในเด็กเล็กจนมีการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง ไวรัส RSV สามารถทำให้เกิด ‘รอยโรค’ ได้ เช่นเด็กที่เคยติดเชื้อแล้วอาจเกิดภาวะที่เรียกว่าหลอดลมไวในเด็ก โดยหลอดลมจะมีความไวต่อสิ่งกระตุ้นมากกว่าปกติ ซึ่งเมื่อติดเชื้ออีกในอนาคตก็อาจมีอาการหายใจวี้ดหรือจำเป็นต้องใช้ยาขยายหลอดลมซ้ำ ๆ และเมื่อเด็กโตขึ้นก็อาจจะกลายเป็นโรคหอบหืดได้” พญ. สุธิดา ชินธเนศ กล่าว
แม้ว่าไวรัส RSV จะดูน่าวิตกกังวล แต่มาตรการที่เราใช้เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ก็ยังใช้ได้ผลดีกับไวรัส RSV นี้เช่นกัน ดังนั้น การปิดแมส การล้างมือบ่อย ๆ หลีกเลี่ยงการสัมผัสสิ่งต่าง ๆ นอกบ้านโดยไม่จำเป็น การรักษาระยะห่างหรือแยกตัวออกจากผู้ที่มีอาการคล้ายหวัด ไปจนถึงการทำความสะอาดพื้นผิวที่ผู้คนใช้งานอยู่บ่อย ๆ เพื่อไม่ให้กลายเป็นแหล่งแพร่เชื้อ เหล่านี้ก็ยังคงเป็นแนวทางปฏิบัติที่เรายังคงต้องให้ความสำคัญกันอย่างต่อเนื่อง
แล้วเราทุกคนจะปลอดภัยจากไวรัส RSV เช่นเดียวกับที่เราสามารถผ่านพ้นวิกฤติโควิดที่รุนแรงมาได้แล้วนั่นเอง
ผู้ที่สนใจบริการของศูนย์กุมารเวช สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ศูนย์กุมารเวช ชั้น 3 รพ.วิมุต ตั้งแต่เวลา 08.00 – 20.00 น. โทร. 02-079-0038 หรือใช้บริการ Telemedicine ปรึกษาแพทย์ออนไลน์ผ่าน ViMUT Application คลิก
More Stories
วีเอชดี ส่ง เมอริช คอฟฟี่ ชิงตลาดกาแฟสุขภาพ 3.4 หมื่นลบ.
BDMS Wellness Clinic คว้ารางวัล CEO of the Year 2024 จาก Bangkok Post
SOLUX Clinic เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ ตอกย้ำความสวยที่มีระดับ (พรีเมียม)