พลังหนุ่ม “แฮ็ปปี้ เอ็มพีเอ็ม” รุ่น 2ประกาศกร้าว นำบริษัทฯติด Top 5 ขายตรงไทยพร้อมทุ่มงบ 100 ล้าน สวนกระแสโควิด โตขึ้น 25%

ข่าวขายตรง

พลังหนุ่มรุ่น 2 “แฮ็ปปี้ เอ็มพีเอ็ม” เตรียมพร้อมพานักธุรกิจแฮ็ปปี้อย่างมั่นคง วางเป้าในอนาคตนำพาบริษัทติดอันดับ Top 5 ขณะที่ทุ่มงบ 100 ล้านบาท รีโนเวทสาขาทั้งในและต่างประเทศ พร้อมขยายสาขาเพิ่มอีก 2 ที่หัวเมืองใหญ่  ส่วนเดือนมีนานี้ จะเปิดเพิ่มอีก 3 สาขา ในไทย 2 สาขา และ สปป. ลาว 1 สาขา คาดยอดขายปีนี้ยอดขายโตขึ้นจากยอดปีที่แล้วที่เติบโตสวนกระแสโควิดทะลุ 1 พันล้าน เพิ่ม อีก 20%

การมาสานต่อธุรกิจขอผู้บริหารหนุ่ม ดีกรีจบนอก พกพามาด้วยพลังงความทุ่มเท ของทายาทรุ่นที่ 2 “บริษัท แฮ็ปปี้ เอ็มพีเอ็ม จำกัด” บริษัทขายตรงไทยที่ดำเนินธุรกิจมาถึง 20 ปี ด้วยความต้องการที่มาสืบสานพันธกิจการสร้างครอบครัวแห่งความสุข ให้เป็นบ้านหลังที่ 2 ของนักธุรกิจ และสานต่อวัฒนธรรมขององค์กร ตลอดจนการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภคยุคดิจิตอลอย่างครอบคลุม

นายณพวัฒน์ สัตย์เพริศพราย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท แฮ็ปปี้ เอ็มพีเอ็ม จำกัด ผู้บริหารหนุ่มไฟแรง ทายาทรุ่น 2 เปิดเผยกับทีมข่าว MLM News Online ว่า ตนเองทำงานที่นี่ตั้งแต่เรียนจบจากอเมริกา เริ่มตั้งแต่เป็นพนักงานระดับปฏิบัติการ กระทั่งขึ้นมานั่งในตำแหน่งบริหารCEO ซึ่งมีคุณพ่อ และพี่ชาย เป็นที่ปรึกษาคอยแนะนำ และนำหลักคิดนั้นมาต่อยอดกับความรู้ของตนเอง ทำให้เกิดสิ่งที่จะเป็นประโยชน์การในทำงานแก่สมาชิกและบริษัท พร้อมวางแผนพัฒนาต่อยอดสิ่งต่างๆ ให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพื่อนำพาให้บริษัทก้าวขึ้นสู่อันดับ 1 ใน 5 ของบริษัทขายตรงไทยแบบยั่งยืน

ด้านแผนการทำงานปี 2564 นายณพวัฒน์ กล่าวว่า ในปีนี้วางกลยุทธ์ในการทำธุรกิจภายใต้ธีม “Year of Exponential Growth” เป็นปีที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยเน้นเรื่องการสร้างคนเป็นหลัก ลงทุนในด้านต่างๆ โดยสร้างระบบการเรียนรู้ที่ทันสมัย ทั้งเรื่องซอร์ฟแวร์ที่ต้องอัพเดทตลอด พัฒนาเครื่องมือการทำงานแบบออนไลน์และออฟไลน์ ที่ต้องใช้ควบคู่กัน เพื่อให้สมาชิกทำงานได้ง่ายขึ้น ตลอดจนสร้างแบรนด์ “แฮ็ปปี้ เอ็มพีเอ็ม” ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยจะจับมือกับองค์กรใหญ่เป็นพาร์ทเนอร์กัน เพื่อให้บริการลูกค้าร่วมกัน อาทิ สายการบิน เป็นต้น รวมทั้งบริษัทเอเจนซี่ บริษัทโฆษณา ในการทำสื่อโฆษณาของบริษัท

“ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมข้อมูลองค์กรและข้อมูลผลิตภัณฑ์ ให้กับบริษัทเอเจนซี่ เพื่อทำสื่อโฆษณา ภายใต้คอนเซ็ปต์ “20 ปีกับการส่งต่อรุ่นที่ 2 สู่ความมั่นคง” ที่สื่อถึงเรื่องความมั่นคงของบริษัทเป็นหลัก” นายณพวัฒน์ กล่าว

ทั้งนี้ ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด 19 ตั้งแต่ต้นปีที่แล้วที่ระบาดหนักในรอบแรก บริษัทไม่ได้รับผลกระทบ ในภาพรวม แต่กลับเติบโตสวนกระแสโควิด-19 คาดว่ายอดขายทะลุ 1,000 ล้านบาท ถือว่านับเป็นยอดขายที่เติบโตมากที่สุดตั้งแต่มีการเปิดดำเนินธุรกิจมา ในขณะที่ที่บริษัทอื่นซบเซาแต่“แฮ็ปปี้ เอ็มพีเอ็ม” เติบโตเพิ่มขึ้น และคาดว่าในปีนี้จะมียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 25%

นายณพวัฒน์ กล่าวถึงเหตุที่ทำการเติบโตขึ้นสวนกระแสโควิด นี้ว่า มีปัจจัยจากกระแสการบริหารงานที่ผ่านมาของบริษัทที่มีการบริหารกระแสเงินสดในการลงทุน ทำให้บริษัทไม่ได้รับผลกระทบด้านการเงินและไม่มีความเสี่ยง ซึ่งช่วงโควิดหลายบริษัทปิดตัวลง และแม่ทีมก็มองหาบริษัทที่มั่นคงจริงๆ จึงมีแม่ทีมหลั่งไหลเข้ามาร่วมธุรกิจกับเรา อีกทั้งบริษัททำเพื่อนักธุรกิจด้วยใจจริง มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาตลอดมา ตลอดจนบริษัทได้อัดโปรโมชั่นให้กับสมาชิก เพื่อกระตุ้นยอดขาย คือจ่ายยอดเงินให้สมาชิกเยอะแต่ไม่โอเวอร์ เปย์ จึงทำให้มียอดขายที่เติบโตแบบสวนกระแสโควิด

นอกจากนี้ ในช่วงโควิดบริษัทกลับทุ่มงบลงทุนราว 100 ล้านบาท เพื่อ รีแบรนด์บริษัทใหม่ สร้างประสบการณ์ใหม่ ให้กลับผู้เข้ามาร่วมธุรกิจ“แฮ็ปปี้ เอ็มพีเอ็ม” ทั้งคนใหม่และคนเก่า โดยการรีโนเวทสาขาของบริษัทให้มีความสวยงาม ทันสมัย เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักธุรกิจ โดยโดดเด่นด้วยโทนสีน้ำเงิน ทั้งเก้าอี้ โต๊ะ โซฟา และสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน ให้นักธุรกิจได้ทำงานเหมือนอยู่ที่บ้าน

ปัจจุบันรีโนเวทไปแล้วประมาณ 18 สาขา และขยายสาขาอีก 2 สาขา ใน 2 หัวเมืองใหญ่ ที่ชลบุรี และนครราชสีมา ทั้งยังซื้อที่ดินที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ประมาณ 1 ไร่ สร้างสาขาเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักธุรกิจในการประชุม  ซึ่งจุคนในการเข้าประชุมขนาดใหญ่จุได้กว่า 500 คน และห้องประชุมขนากลางที่จุได้ 250 คน รวมพื้นที่ใช้สอยกว่า 300 ตารางวา และในเดือนมีนาคมนี้จะเปิดสาขาที่ร้อยเอ็ด อุดรธานี และที่ สปป. ลาว แขวงสะหวันนะเขต อีกด้วย

            สำหรับผลิตภัณฑ์ของแฮ็ปปี้ เอ็มพีเอ็ม ปัจจุบันมีรวมประมาณ 50 รายการ ครอบคลุมทุกกลุ่มความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งบริษัทได้พัฒนาสินค้าเองทั้งหมด ขณะที่ผลิตภัณฑ์ในปีนี้ เน้นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ช่วยป้องกันและดูแลสุขภาพ โดยวางแผนระยะยาวเพื่อเปิดคอมมูนิตี้ Happy Fitness เพื่อเป็นแบรนด์แรกที่มีคอมมูนิตี้ให้กับสมาชิกในการออกกำลังกาย และเป็นแบรนด์แรกที่มีทุกอย่างครบวงจร ทั้งเรื่องธุรกิจ ระบบการฝึกอบรม ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ และสถานที่ออกกำลังกาย