26 พฤศจิกายน 2024

THE MASTER

ย่อโลกข่าวไว้ในมือคุณ

สถาบันวิจัยฯนอร์เวย์ คาดการณ์ขยะพลาสติก 12 พันล้านตันล้นโลกในปี 2050

SINTEF จัดการประชุมระดับภูมิภาค OPTOCE ครั้งแรกในไทยดึงพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน ระดมแนวคิดการบริหารขยะพลาสติกทั้งในไทย จีน อินเดีย เมียนมาร์ และเวียดนาม

กรุงเทพฯ – สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมแห่งนอร์เวย์ หรือ SINTEF ชี้แต่ละปีมีขยะพลาสติกราว 13 ล้านตันเล็ดลอดลงสู่มหาสมุทร ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างมหาศาลทั้งด้านความหลากหลายทางชีวภาพ เศรษฐกิจ และสุขภาพของผู้คน และยังคาดการณ์ว่าตัวเลขนี้จะทวีคูณเพิ่มเป็น 3 เท่าภายในปี ค.ศ. 2040 และหากไม่มีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ขยะพลาสติกราว 12 พันล้านตันจะทับถมหรือเล็ดลอดสู่ระบบนิเวศทางธรรมชาติในปี 2050  เผยความร่วมมือในระดับนานาชาติ คือ กุญแจสำคัญในการแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการแหล่งสร้างขยะพลาสติกสู่ท้องทะเล

การประชุมระดับภูมิภาคว่าด้วยการจัดการพลาสติกในมหาสมุทรให้กลายเป็นโอกาสในเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ The Ocean Plastic Turned into an Opportunity in Circular Economy (OPTOCE) Regional Forum”  ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกที่กรุงเทพมหานครฯ ในวันที่ 27-28 ตุลาคม 2565 มีจุดประสงค์เพื่อหาโซลูชันการรับมือกับปัญหาดังกล่าวของ 5 ชาติพันธมิตรในเอเชียทั้งไทย จีน อินเดีย เมียนมาร์ และเวียดนาม รวมถึงค้นหาโอกาสและอุปสรรคในการมีส่วนร่วมของอุตสาหกรรมซีเมนต์ในการบริหารจัดการขยะพลาสติกในประเทศไทยและทั่วภูมิภาค ทั้งนี้การประชุม OPTOCE Forum จัดโดยสถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมแห่งนอร์เวย์ (Norwegian Foundation for Scientific and Industrial Research: SINTEF) โดยได้รับเงินทุนสนับสนุนจากกระทรวงการต่างประเทศนอร์เวย์ผ่านทางสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาแห่งนอร์เวย์ (The Norwegian Agency for Development Cooperation: NORAD)

โครงการ OPTOCE ก่อตั้งขึ้นในประเทศไทยครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2019 เพื่อมุ่งนำเสนอแนวทางและโซลูชันใหม่ ๆ ในการบริหารจัดการขยะให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน ตลอดจนสำรวจความเป็นไปได้ในการระดมพันธมิตรทั้งภาครัฐบาลและภาคเอกชนในการเก็บรวบรวมขยะพลาสติกตามแหล่งมลภาวะ ลุ่มแม่น้ำสายหลัก และพื้นที่ริมชายหาด รวมถึงการแปลงขยะพลาสติกเป็นแหล่งพลังงานสำหรับอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานสูงในท้องถิ่น แนวทางเหล่านี้จะสามารถช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกที่จะถูกทิ้งลงแหล่งน้ำ เพิ่มศักยภาพในการบริหารจัดการขยะ และสร้างทางเลือกใหม่ที่คุ้มค่าและยั่งยืนในระบบการบริการจัดการขยะแบบบูรณาการในกลุ่มประเทศพันธมิตรทั้ง 5 ของเอเชีย

ดร.คอเร เฮลเก คาร์สเตนเซน (Dr Kåre Helge Karstensen) หัวหน้านักวิทยาศาสตร์และผู้จัดการโครงการ OPTOCE SINTEF Community Norway วิทยากรหลักของการประชุม กล่าวว่า “ความร่วมมือจากนานาชาติถือเป็นกุญแจสำคัญของการบริหารจัดการแหล่งขยะพลาสติกในท้องทะเล ประมาณการณ์ว่าทั่วโลกมีปริมาณพลาสติกผลิตใหม่ราว 9.3 พันล้านตันในปี 2019 ซึ่งในจำนวนนี้ กว่า 6.3 พันล้านตันจะกลายเป็นขยะพลาสติก ประเมินว่ามีการนำไปรีไซเคิลเพียง 9% ถูกนำไปเผา 12% และถูกทิ้งไปเฉย ๆ ถึง 79% หากแนวโน้มการผลิตและการบริหารจัดการขยะพลาสติกยังคงดำเนินไปเช่นในปัจจุบัน คาดว่าจะเกิดขยะพลาสติกราว 12 พันล้านตันทับถมหรือเล็ดลอดสู่ระบบนิเวศทางธรรมชาติในปี 2050”  

โครงการ OPTOCE ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนการรับมือมลภาวะขยะและไมโครพลาสติกในทะเลของประเทศนอร์เวย์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการส่งเสริมเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goal: SDG) ข้อที่ 14.1 ซึ่งระบุว่า โลกของเราควรป้องกันและลดปริมาณขยะในท้องทะเลทุกประเภทอย่างจริงจังภายในปี ค.ศ.2025 โครงการนี้เน้นความสำคัญที่แนวทางการบริหารจัดการขยะที่ขาดประสิทธิภาพของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาและเขตเศรษฐกิจใหม่ โดยเฉพาะในประเทศที่มีพื้นที่เชื่อมต่อกับลุ่มแม่น้ำสายหลักของโลก พื้นที่กองขยะ/ฝังกลบ และศูนย์รวมโรงงานอุตสาหกรรม เพราะประเมินว่าขยะบริเวณชายหาดและในทะเลมากกว่า 80% มาจากแหล่งผลิตบนแผ่นดิน ซึ่งประเทศในเอเชียติดอันดับกลุ่มประเทศที่ปล่อยขยะและไมโครพลาสติกลงสู่ท้องทะเลสูงสุดของโลก

การประชุมครั้งนี้จะร่วมค้นหาแนวทางการมีส่วนร่วมของอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ในการเพิ่มประสิทธิภาพการกำจัดขยะพลาสติกที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้ในประเทศเหล่านี้ เพื่อลดปริมาณการปล่อยขยะพลาสติกลงสู่ท้องทะเล

ประเทศเหล่านี้ผลิตขยะพลาสติกราว 217,000 ตันต่อวัน หรือ 79 ล้านตันต่อปี โดยมีการปล่อยพลาสติกสู่ทะเลในปริมาณสูงสุดแต่มีขยะพลาสติกน้อยมากที่ได้รับการจัดการอย่างถูกต้องในลักษณะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยประเทศเหล่านี้มีอัตราการผลิตสูงสุดในอุตสาหกรรมประเภทปูนซีเมนต์ เหล็กกล้า และพลังงานไฟฟ้าที่มาจากเชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างถ่านหิน ดังนั้นจึงมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศในปริมาณสูงด้วยเช่นกัน

การจัดการขยะพลาสติกที่ไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่หรือรีไซเคิลได้ ด้วยกระบวนการเผาร่วมเพื่อทดแทนถ่านหินในกระบวนการผลิตปูนซีเมนต์ ก่อให้เกิดโอกาสดีกับทุกฝ่าย (win-win) โดยจะได้ช่วยป้องกันไม่ให้พลาสติกรั่วไหลไปยังทะเลและมหาสมุทร ลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลถ่านหินลงได้เป็นจำนวนมาก และในทางอ้อม ก็ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยหลีกเลี่ยงการสร้างเตาเผาขยะใหม่หรือสร้างบ่อขยะเพิ่มขึ้น โดยใช้กระบวนการที่เรียกว่า การเผาร่วม หรือ Co-processing ในเตาเผาปูนซีเมนต์ หรือ การบริหารขยะอย่างบูรณาการ หรือ Integrated Waste Management โดยวัตถุประสงค์เพิ่มเติมและการทำงานร่วมกันในโครงการ OPTOCE จะประกอบด้วย:

  • ลดปริมาณขยะในทะเลและมหาสมุทร ที่ก่อกำเนิดขึ้นจากกิจกรรมบนบก
  • ส่งเสริมการประสานงานและความร่วมมือระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและผู้มีส่วนร่วมทางธุรกิจต่าง ๆ
  • ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน
  • ส่งเสริมงานวิจัยเพื่อสนับสนุนนโยบายและการตัดสินใจบนพื้นฐานข้อมูลทางวิทยาศาสตร์

ตลอดการประชุมระดับภูมิภาคทั้ง 2 วัน ผู้เข้าร่วมงานจะได้รับฟังเนื้อหาจากผู้บรรยายกว่า 20 ท่านทั้งจากอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง องค์การที่ไม่แสวงหาผลกำไร ธุรกิจสตาร์ตอัป สถาบันการศึกษา หน่วยงานรัฐบาล และสมาคมในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจะมาร่วมกันประเมินผลลัพธ์การดำเนินโครงการ OPTOCE ในปัจจุบัน รวมถึงการพิจารณางานวิจัยขยะพลาสติกคุณภาพต่ำ มุมมองของผู้ถือประโยชน์ในเรื่องความร่วมมือ แนวทางความร่วมมือในการลดปริมาณขยะริมชายหาดและในท้องทะเล และวิธีการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ NET ZERO ของอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์

นอกจากนี้ยังมีการเสวนาถึงโอกาสและอุปสรรคในการดำเนินงานด้านความร่วมมือของชาติพันธมิตรทั้ง 5 ซึ่งครอบคลุมถึงความร่วมมือและการวิจัยของสถาบันการศึกษา เพื่อกำหนดโซลูชันที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริงในการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนนี้

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ OPTOCE ที่ www.optoce.no

Skip to content