GGC ได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรเป็นครั้งแรกจาก FITCH Rating เปิดตัวที่ระดับ “A-”

บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC  ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะยาว ที่ระดับ ‘A-(tha) แนวโน้มมีเสถียรภาพ จาก บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด สะท้อนถึงความสามารถและความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจ

นายกฤษฎา ประเสริฐสุโข กรรมการผู้จัดการ GGC เปิดเผยว่า “การได้รับการจัดอันดับเครดิตครั้งแรกนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญที่นำไปสู่การบริหารแผนการจัดหาเงินทุนทางเลือกของบริษัทฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ   เพื่อตอบสนองแผนยุทธศาสตร์ระยะยาวของบริษัทฯ ต่อไป นอกจากนี้อันดับเครดิตดังกล่าวยังสะท้อนถึงความสามารถและความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ รวมทั้งการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน (Enhance Competitiveness) และการสร้างความยืดหยุ่น (Resilience) เพื่อรองรับต่อสถานการณ์ที่กดดันในการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งยังสามารถสร้างผลกำไรได้อย่างเต็มความสามารถ ”

อันดับเครดิต ‘A-(tha)’ เป็นการจัดอันดับเครดิตซึ่งรวมการพิจารณาปรับเพิ่มอันดับเครดิตขึ้นสองอันดับจากสถานะเครดิตโดยลำพังของบริษัท (Standalone Credit Profile- SCP) ที่ระดับ ‘bbb(tha)’ ซึ่งสะท้อนถึงการให้การสนับสนุนของบริษัทแม่ คือ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ซึ่งมีสถานะทางเครดิตที่แข็งแกร่งกว่า ฟิทช์มองว่า PTTGC มีแรงจูงใจในการให้การสนับสนุนแก่ GGC ในด้านความสำคัญทางกลยุทธ์ และความสำคัญทางด้านการดำเนินงาน ซึ่ง SCP ของ GGC นั้น ฟิทช์มองว่าเป็นผู้ผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพและ   โอลีโอเคมิคอลชั้นนำในประเทศไทย ที่มีความสามารถในการแข่งขันจากต้นทุนการผลิตที่ต่ำ นอกจากนี้ GGC    ยังมีลูกค้าหลักเป็นกลุ่ม ปตท. ซึ่งจะรองรับความต้องการสำหรับผลิตภัณฑ์เมทิลเอสเตอร์ของ GGC ได้ ฟิทช์คาดว่า อัตราส่วนหนี้สินของบริษัทฯ จะเพิ่มขึ้นในระยะปานกลาง เพื่อรองรับการดำเนินกลยุทธ์ของบริษัทในการขยายกิจการสู่ผลิตภัณฑ์อื่น

“จากปัจจัยท้าทายที่หลากหลาย ทั้งความผันผวนทางเศรษฐกิจในระดับประเทศและระดับโลก การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคดิจิทัลที่เปลี่ยนไป บริษัทฯ จึงมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และมีมาตรการรองรับหากเกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจ และยังคงมุ่งมั่นสร้างความสามารถในการแข่งขันและสร้างความแข็งแกร่ง เพื่อเตรียมพร้อมรับมือต่อสภาวะวิกฤติได้อย่างมีประสิทธิภาพ   รวมทั้งยังมีเป้าหมายในการลงทุนเพิ่มเติมเพื่อแสวงหาโอกาสตาม Megatrend และธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตสูง    เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนแก่บริษัทฯ” นายกฤษฎา กล่าว