ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด ตั้ง “โอเมอร์ มาลิค”

ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารดูแลตลาดในประเทศไทยและอินโดไชน่า มุ่งเป้าเสริมสร้างการเติบโตกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหาร เครื่องดื่ม และอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ

ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด ผู้ผลิตสินค้าประเภทเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพภายใต้ชื่อ “แบรนด์” (BRAND’S)  ประกาศแต่งตั้งนายโอเมอร์ มาลิค ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด ประจำประเทศไทยและภูมิภาคอินโดไชน่า นายโอเมอร์จะเข้าดำรงตำแหน่งต่อจากนายแอซวิน ราชโกปาล โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนนี้เป็นต้นไป  ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา นายแอซวินได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสำเร็จอย่างดียิ่งในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซึ่งหลังจากนี้ นายแอซวินมีความประสงค์ที่จะมองหาโอกาสใหม่ๆ ภายนอกองค์กรซันโทรี่

นายโอเมอร์ มาลิค เป็นผู้บริหารที่มีประสบการณ์ในวงการสินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG) มากว่าหลายทศวรรษ โดยได้ร่วมงานกับเป๊ปซี่โค (PepsiCo) มากว่า 15 ปี รับผิดชอบด้านการบริหารธุรกิจ ในหมวดเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว ในปี 2017-2021 ได้เข้าดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) และเป็นผู้มีบทบาทอย่างยิ่ง ในช่วงพลิกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของธุรกิจเครื่องดื่มในประเทศไทย หลังจากที่บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด เอเซีย จำกัด และบริษัทเป๊ปซี่โค อิงค์ ได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันจัดตั้งบริษัทร่วมทุน (Joint Venture) เพื่อดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มในประเทศไทย ภายใต้ชื่อบริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง จากนั้นนายโอเมอร์ได้เข้าดำรงตำแหน่งรองประธานฝ่ายธุรกิจเครื่องดื่ม ประจำภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท เป๊ปซี่โค จำกัด รับผิดชอบการบริหารระบบแฟรนไชส์ธุรกิจเครื่องดื่มใน 9 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่งผลให้บริษัทสามารถสร้างผลประกอบการประจำปีได้สูงกว่า  50,000 ล้านบาท

สำหรับบทบาทใหม่ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด ประเทศไทยและอินโดไชน่า นายโอเมอร์จะเข้ามารับผิดชอบการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งกำหนดทิศทางกลยุทธ์และสร้างผลลัพธ์ที่ดีให้กับองค์กร โดยจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับบริษัทแม่เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานในทุกมิติ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจมีศักยภาพในการแข่งขันที่สูงขึ้น และสามารถสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนได้ในระยะยาวต่อไป