กรมการค้าภายใน จัดงานพาณิชย์…ลดราคา! ออนทัวร์ ทั่วไทย Lot 21 ที่จ.อุตรดิตถ์ นำสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพขายราคาถูก พร้อมเชื่อมโยงมะนาวจากตลาดกลาง ขายราคาส่ง เพื่อบรรเทาผลกระทบสถานการณ์มะนาวหน้าแล้ง และช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนและร้านอาหาร ย้ำหากจังหวัดไหนมีปัญหาผลผลิตขาด ราคาสูง จะเชื่อมโยงเข้าไปจำหน่ายทันที
นายกรนิจ โนนจุ้ย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า วันที่ 8 เมษายน 2566 กรมฯ ได้ร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดอุตรดิตถ์ นำมะนาวจากตลาดกลางผักและผลไม้ที่อยู่ในความส่งเสริม มาเปิดจุดจำหน่ายขายราคาส่ง ภายในงานพาณิชย์…ลดราคา! ออนทัวร์ ทั่วไทย Lot 21 ครั้งที่ 4 ณ บริเวณที่ว่าการอำเภอน้ำปาด ตำบลแสนตอ อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อช่วยลดผลกระทบจากสถานการณ์มะนาวหน้าแล้ง ที่ราคาทรงตัวสูง และช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน และร้านค้าที่ต้องใช้มะนาวไปทำอาหารบริโภคและจำหน่าย โดยพบว่า ประชาชนและผู้ประกอบการร้านอาหาร ให้ความสนใจเดินทางมาซื้อกันตลอดทั้งวัน อีกทั้งยังได้ชื่นชมการแก้ไขปัญหาของกรมฯ ที่รีบดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยใช้มาตรการเชิงรุกได้อย่างรวดเร็ว และไม่เคยมองข้ามถึงความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกรและประชาชนผู้บริโภค
ทั้งนี้ จากสถานการณ์ราคามะนาวที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศร้อนและแล้ง ไม่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตของมะนาว ต้นมะนาวไม่ติดดอก ผลผลิตมะนาวในแหล่งผลิตสำคัญเสียหายออกสู่ตลาดน้อย ทำให้ราคามะนาวเบอร์ 1-2 ยังทรงตัวเฉลี่ย 4-5 บาท กรมฯ จึงได้ดำเนินการผนึกกำลังกับสมาคมตลาดกลางสินค้าเกษตรไทย ประกอบด้วย ตลาดศรีเมือง ตลาดไท และตลาดสี่มุมเมือง เชื่อมโยงผลผลิตมะนาวจากตลาดกลางออกจำหน่ายทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
โดยในส่วนของกรุงเทพฯ นำจำหน่ายในราคาขายส่ง ผ่านรถโมบายพาณิชย์ กว่า 100 จุด ตั้งแต่วันที่ 22 ก.พ.2566 และยังดำเนินการอยู่จนถึงปัจจุบันนี้ และในต่างจังหวัด ได้เชื่อมโยงมะนาวไปจำหน่ายราคาส่งภายในงานพาณิชย์…ลดราคา! ออนทัวร์ ทั่วไทย Lot 21 ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้วที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พังงา ลพบุรี สงขลา ภูเก็ต ลพบุรี ขอนแก่น ตรัง และพิษณุโลก และยังได้ประสานงานกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัดอย่างใกล้ชิด หากจังหวัดไหน หรือพื้นที่ไหน มีปัญหาด้านผลผลิตขาดแคลนหรือราคาสูงขึ้น ก็จะเชื่อมโยงมะนาวเข้าไปจำหน่ายทันที
สำหรับการจัดงานพาณิชย์…ลดราคา! ออนทัวร์ ทั่วไทย Lot 21 มีสินค้าไฮไลต์ 7 สินค้าหลักที่สำคัญต่อการดำรงชีพ ได้แก่ 1.หมูเนื้อแดง 100 บาท/กิโลกรัม (กก.) 2.น่องไก่ติดสะโพก 50 บาท/กก. 3.ไข่ไก่ (เบอร์ 2-3) แผงละ 80 บาท 4.น้ำตาลทราย ถุงละ 17 บาท/กก. 5.น้ำมันพืชปาล์ม ขวดละ 35 บาท 6.ข้าวหอม (ถุง 5 กก.) ราคา 95 บาท/ถุง 7.ข้าวขาว 5% (ถุง 5 กก.) ราคา 60 บาท/ถุง และยังมีสินค้าอุปโภคบริโภคอื่น ๆ สินค้าจากผู้ประกอบการค้าส่ง ค้าปลีก ตัวแทนจำหน่าย วิสาหกิจชุมชน และกลุ่มเกษตรกร มาจัดจำหน่ายในราคาพิเศษ มากกว่า 100 บูธ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้เลือกซื้อในราคาถูก และช่วยลดภาระค่าครองชีพ
อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคถูกเอารัดเอาเปรียบ กรมฯ ได้เน้นย้ำให้ผู้ประกอบการปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายให้ชัดเจน หากตรวจพบจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด กรณีไม่ติดป้ายแสดงราคาจะมีโทษ ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือหากมีการค้ากำไรเกินควร จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยหากประชาชนพบเห็นการจำหน่ายสินค้าหรือบริการที่ไม่เป็นธรรม สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ
More Stories
“วราวุธ” เผย ศรส.พิษณุโลก ช่วยเด็กหญิง 12 ปี ถูกแม่แท้ๆ พาไปขายบริการ หาเงินขัดหนี้รายวัน
คณะกรรมาธิการการสวัสดิการสังคม ลงพื้นที่ศึกษาดูงานโครงการเคหะชุมชนคลองจั่น
“ประเสริฐ” สั่งการ สคส. ตรวจสอบข่าว ห้างดังถูกแฮกข้อมูลส่วนบุคคล 5 ล้านราย