@ลุยเปิดสาขา วอลล์สตรีทในลาวเดือนก.ย.นี้ -ตั้งเป้าคลังสินค้าคาร์บอนเครดิตใหญ่สุดในไทย-SEA
เวฟ เอกซ์โพเนนเชียล ตอกย้ำความเชื่อมั่นผู้ลงทุน พร้อมรุกธุรกิจการศึกษาผ่านสถาบันสอนภาษาอังกฤษวอลล์สตรีท ปูพรมขยายสาขา – เปิดรับแฟรนไชส์ หวังให้ครอบคลุมทั้งในประเทศและ SEA ปักธงเปิดสาขาในลาว เดือนก.ย.นี้ ลั่น 3 ปียอดขายทะลุ 1 พันล้านบาท ขณะที่ธุรกิจคาร์บอนเครดิต S-curve ใหม่ของบริษัท ตั้งเป้าเป็นคลังคาร์บอนเครดิตที่ใหญ่สุดในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองรับตลาดเอเชียขยายตัวสูง มั่นใจผลงานปีนี้เติบโตต่อเนื่อง
นายเจมส์ แอนดริว มอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวฟ เอกซ์โพเนนเชียล จำกัด (มหาชน) หรือ WAVE กล่าวในงานพบผู้ลงทุน (Opportunity day) ว่า ปัจจุบันกลุ่ม WAVE มีบริษัทย่อยทั้งทางตรงและทางอ้อม ทั้งหมด 5 บริษัท คือ Wave BCG ทำธุรกิจเกี่ยวกับ Carbon Credit ภายใต้ Wave BCG มี 2 บริษัทย่อย คือ Wave BCG PTE LTD ซึ่งเปิดในประเทศสิงคโปร์ ที่จะเกิดขึ้นในต่างประเทศ และ Wave Wellbeing ดำเนินธุรกิจผลิต พัฒนา จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ส่วน Wave Education ซึ่งเป็นบริษัทที่ถือ Master Franchise Agreement ของ WallStreet ทั้งในประเทศไทย ลาว และกัมพูชา ภายใต้ เอ็ดดูเคชั่น จะมี Wall Street English ธุรกิจสถาบันสอนภาษาอังกฤษ ที่เป็นรายได้หลักของกลุ่ม WAVE ในปัจจุบัน
โดย Wall Street มีการดำเนินงานในต่างประเทศทั่วโลกมากกว่า 50 ปี มีกว่า 400 สาขาใน 33 ประเทศทั่วโลก มีนักเรียนที่ผ่านหลักสูตรของ Wallstreet ทั่วโลกเกือบ 4 ล้านคน และ Wall Street ในประเทศไทยเปิดมามากกว่า 20 ปี มีนักเรียนที่ผ่านหลักสูตรของ Wallstreet ในไทยมากกว่าหนึ่งแสนคน ปัจจุบัน มีสาขาทั้งหมด 13 สาขา (เปิดเอง 11 สาขา และมี 2 สาขาจาก Franchising Model) “Wall Street มีเป้าหมายที่จะขยายให้ถึง 21 สาขา ภายในปี 2568 โดยเมื่อเดือน เม.ย. มีการทำสัญญากับ นักลงทุน Sub Franchisee จำนวน 2 ราย เปิดสาขาเพิ่มที่ ศรีราชา จังหวัดชลบุรีและ เวียงจันทร์ ประเทศลาว คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในเดือน ก.ย.ปีนี้ ซึ่งคาดว่าจะสามารถทำยอดขายรวมได้ถึง 1 พันล้านบาทภายในปี 2568 ผ่านการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของขยายสาขาเอง และการขยายผ่านแฟรนไชส์ “นายกิจชาญพิชญ์ สุกังวานวิทย์ กรรมการบริหาร กล่าวเสริม
นายเจมส์กล่าวว่าในส่วนธุรกิจของ Wave BCG จะเป็น S-curve ใหม่ของกลุ่ม Wave ที่ดำเนินธุรกิจคาร์บอนเครดิต ซึ่งเป็นเทรนด์ใหม่ในโลก หลังจาก COP26 ที่จัดขึ้นในกลาสโกว์ สก็อตแลนด์ ได้เพิ่มความความกดดันให้กับผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศตื่นตัวในการลดคาร์บอนเครดิต ซึ่งวิสัยทัศน์ของ Wave BCG คือการสนับสนุน ผู้ประกอบการไทยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในระดับโลก Wave BCG เป็นธุรกิจคาร์บอนเครดิตครบวงจร ให้บริการด้านการเป็นที่ปรึกษาสำหรับผู้ซื้อและผู้ขายคาร์บอนเครดิต สนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของบริษัท สนับสนุนการขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิต การตรวจสอบการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของบริษัท การจัดหา คาร์บอนเครดิต ให้องค์กรในไทย และ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA) รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีด้าน Climate Tech
นายเจมส์กล่าวอีกว่า Wave BCG มีการซื้อ CC/RECs ในไทย และประเทศ เวียดนาม รวมถึงมีการตั้งบริษัทในสิงคโปร์เพื่อรองรับธุรกรรมกับต่างประเทศในอนาคต เนื่องจาก Wave BCG มีวิสัยทัศน์ที่ต้องการสนับสนุนองค์กรไทยในการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน และเป็นคลังคาร์บอนเครดิตที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “หลายองค์กรในเอเชียมีความต้องการคาร์บอนเครดิตสูงขึ้น จากผลการวิจัยของแมคเคนซี่ ตลาดจะมีการเติบโตประมาณ 15 เท่า ภายในปี 2573 และอีก 100 เท่า ภายในปี 2593”นายเจมส์ กล่าว
ด้านนายอุทัย อริยวิมล รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงินและบัญชี ยังได้กล่าวถึงผลการดำเนินงานของบริษัทงวดไตรมาส 1 / 2566 ว่า มีรายได้อยู่ที่ 104 ล้านบาท เติบโตขึ้น 85% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของที่ผ่านมา และเมื่อเปรียบเทียบกับ ไตรมาสที่ 4 ปีที่แล้วเติบโตขึ้น 14%ขณะที่ Gross Profit อยู่ที่ 40 ล้านบาท มีการเติบโตที่ดีขึ้น 2,165% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา และเติบโต 77% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปีที่แล้วและหากเปรียบเทียบอัตราส่วน Gross Profit Margin จะเห็นได้ว่าบริษัทมีอัตราการเติบโตดีขึ้นอย่างมาก จาก 3% ในไตรมาสที่1 ปี 2565 ขึ้นมาที่ 38% ใน ไตรมาสที่ 1 ปี 2566
More Stories
SME D Bank จัดประชุมใหญ่มอบนโยบายโค้งสุดท้ายพื้นที่ภาคใต้ รวมพลัง Quick Win พิชิตเป้าหมายพาเอสเอ็มอีถึงแหล่งทุนหนุนเติบโตยั่งยืน
BAM จัดโครงการ “BAM for Thai Heroes” ปีที่ 2 ตอบแทนฮีโร่ของคนไทย ลดราคาทรัพย์สูงสุดกว่า 70%
TPS ส่งซิกผลงาน Q4/67 สดใสต่อเนื่อง ตุน Backlog 1,931.50 ลบ. – ลุยประมูลงานใหญ่ มั่นใจรายได้ปี 67 เติบโตเข้าเป้าตามแผน