โดยทั่วไปแล้ว 90% ของร่างกายมนุษย์ประกอบด้วยเซลล์จุลินทรีย์หากแบคทีเรียในลำไส้เสียสมดุล สามารถเพิ่มความเสี่ยงการเกิดปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ได้มากมาย เช่น ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง, ภูมิแพ้, แพ้อาหาร, มะเร็งบางชนิด, ท้องผูก, ฮอร์โมนไม่สมดุล, แก่เร็ว, และไขมันในเลือดสูง เป็นต้น การตรวจจุลินทรีย์ในลำไส้จึงมีความสำคัญ เพราะจะทำให้รู้สาเหตุของปัญหาสุขภาพที่เรื้อรังและยังช่วยตรวจดูความสมดุลของจุลินทรีย์อีกด้วย
แพทย์หญิงอติยา รุ่งแจ้ง ผู้อำนวยการคลินิกบีดีเอ็มเอส เวลเนส รีทรีท สมุย กล่าวว่า โรคทุกโรคเริ่มต้นที่ลำไส้ การดูแลลำไส้เลยมีความสำคัญมากขึ้นในปัจจุบัน ถ้าลำไส้ของเราเสียสมดุลไปหรือว่ามีจุลินทรีย์บางตัวที่มันเสียสมดุลไป อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดโรคต่าง ๆ ได้เหมือนกัน ซึ่งเรื่องของการกินที่สมดุลนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก การตรวจจุลินทรีย์ในลำไส้ (Gut Microbiome) จะทำให้ได้คำตอบมากขึ้นว่า ทำไมดูแลตัวเองดีแล้ว… แต่ก็ยังเจอปัญหาสุขภาพ ซึ่งการตรวจจุลินทรีย์จะแบ่งเป็น 3 รูปแบบ ได้แก่ จุลินทรีย์ทั่วไป ที่อาจจะส่งผลดีหรืออาจจะส่งผลไม่ดีกับร่างกายก็ได้ขึ้นอยู่กับความสมดุล จุลินทรีย์ที่ไม่ดี ก่อโรค เป็นจุลินทรีย์ที่ถ้ามีเยอะเกินไปก็ทำให้เกิดโรคต่างๆ เช่น ท้องเสีย ถ่ายเหลว เป็นต้น และ จุลินทรีย์ที่ดีหรือโพรไบโอติก (Probiotics) ที่สร้างสารมีประโยชน์ต่อร่างกายในระบบลำไส้ หรืออวัยวะอื่น ๆ หากเกิดความเครียด ใช้ร่างกายหักโหม การกินที่ผิดปกติ โพรไบโอติกกลุ่มที่ดี ๆ มักจะโดนทำร้ายไปก่อนและก็จะเสียสมดุลไปก่อนได้ ซึ่งการดูแลโพรไบโอติกที่สำคัญคือการเลือกรับประทานอาหาร เช่น อาหารที่มีไฟเบอร์ ผักและผลไม้ที่มีรสไม่หวาน ถ้าเป็นผลไม้อาจจะต้องเป็นกลุ่มที่มีกากใยอาหารเยอะ เช่น ฝรั่ง มะม่วงเขียว หรือ อาหารในการหล่อเลี้ยงโพรไบโอติก เช่น กิมจิ นัตโตะ ชาคอมบูชา เป็นต้น ข้อจำกัดเดียวในอาหารไทยจะมีพวกนี้น้อยเลยเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมคนไทยอาจจะเจอปัญหาเรื่องขาดโพรไบโอติกได้ง่าย เพราะเราไม่ได้มีอาหารกลุ่มนี้ในมื้ออาหารของเรามากนัก
การตรวจจุลินทรีย์จึงเป็นการตรวจความสมดุลระหว่างจุลินทรีย์ชนิดดีและไม่ดีภายในร่างกาย เพราะจุลินทรีย์อาศัยอยู่ในลำไส้มากที่สุด ทำให้การตรวจจากอุจจาระจะได้ผลที่เที่ยงตรงมากที่สุดด้วย โดยวิธีการเก็บที่ไม่ยุ่งยาก สามารถทำได้ที่บ้าน ซึ่งเป็นการเก็บตัวอย่างอุจจาระและส่งไปตรวจในห้องปฏิบัติการ โดยการตรวจสุขภาพลำไส้จะช่วยให้สามารถวางแผนดูแลสุขภาพของตัวเองได้ทั้งระบบ เพราะอาการท้องอืด ท้องเสียแบบเรื้อรัง ระบบเผาผลาญไม่ดี หรือ ปัญหาเรื่องภูมิแพ้ที่ต้องพบเจอ อาจเกิดจากจุลินทรีย์ในลำไส้ขาดความสมดุล โดยการตรวจของแพทย์จะช่วยประเมิน ค้นหาความเสี่ยง หรือวินิจฉัยสาเหตุที่อาจเกิดจากการเสียสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ รวมถึงอาการผิดปกติต่าง ๆ ในร่างกาย เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดโรคต่าง ๆ ในอนาคตได้อีกด้วย
ผู้ที่ควรเข้ารับการตรวจจุลินทรีย์คือ ผู้ที่มีปัญหาเรื่องของการนอนไม่หลับ และปัญหาเกี่ยวกับไมเกรน ผู้ที่มีปัญหาระบบขับถ่าย ย่อยอาหาร แพ้อาหาร และ ลำไส้แปรปรวน เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย หรือท้องผูก ผู้ที่มีอาการผิวหนังอักเสบ สิว หรือ ผื่นภูมิแพ้ เป็น ๆ หาย ๆ ผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นโรควิตกกังวล โรคซึมเศร้า และโรคอัลไซเมอร์ ผู้ที่เป็นหอบ หืด ผู้ที่มีโรคประจำตัวเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวานชนิดที่ 2 โรคหัวใจและหลอดเลือด ผู้ที่มีระบบการเผาผลาญไม่ดี และมีพฤติกรรมชอบกินเนื้อแดง อาหารแปรรูป หรือ ผู้ที่มีภาวะน้ำหนักตัวเกิน หรือโรคอ้วน
สำหรับการทานโพรไบโอติกเพื่อปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ ควรทานเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 3 เดือน พอพ้นจากระยะเวลาที่กำหนดสามารถเข้ารับการตรวจได้ใหม่อีกครั้งเพื่อตรวจดูว่ามีจุลินทรีย์ตรงไหนที่ยังหายไปหรือว่าเริ่มกลับมาสมดุลหรือยัง ตามหลักแล้วกลุ่มอาหารโพรไบโอติกเป็นอาหารที่สามารถทานได้ตลอด หากสมดุลดีขึ้นแล้วสามารถรับประทานกลุ่มอาหารจำพวกที่มีไฟเบอร์หรือพรีไบโอติกเพื่อให้เข้ามาช่วยรักษาสมดุลต่อไปเพราะการทำงานของลำไส้ที่ดีจะช่วยให้การดูดซึมสารอาหารต่าง ๆ ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
นอกจากนี้การมีสมดุลทางเดินอาหารที่ดีจะทำให้การออกกำลังกายทำได้ดีขึ้นด้วย รวมถึงการผ่อนคลายจากความเครียดแบบ Gut Brain Axis ที่เป็นทางเชื่อมระหว่างสมองกับลำไส้เพราะฉะนั้นถ้าลำไส้ของเราดีส่วนสัญญาณประสาทของสมองก็จะดีไปด้วยเช่นกันหรือที่เรียกว่าสุขภาพที่ดีจากภายในสู่ภายนอก
ทั้งนี้ BDMS Wellness Clinic พร้อมให้บริการตรวจจุลินทรีย์ในลำไส้ (Gut Microbiome) โดยแพทย์ผู้ชำนาญการ รวมทั้งให้คำแนะนำในการปฏิบัติตนสำหรับการปรับไลฟ์สไตล์เพื่อให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เพราะร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน ซึ่งการตรวจจุลินทรีย์ในลำไส้จะช่วยให้แพทย์วางแผนดูแลสุขภาพร่วมกับเราได้และที่สำคัญควรทำควบคู่กับการปรับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตเพื่อสุขภาพที่ดีมากยิ่งขึ้นไป
BDMS Wellness Clinic มุ่งมั่นพัฒนาและวิจัยเรื่องสุขภาพ เพื่อมอบเป็นของขวัญสุขภาพแก่คนไทยทุกคน เพราะสุขภาพที่ดี คือของขวัญที่ดีที่สุด Live longer, Healthier and Happier
More Stories
วีเอชดี ส่ง เมอริช คอฟฟี่ ชิงตลาดกาแฟสุขภาพ 3.4 หมื่นลบ.
BDMS Wellness Clinic คว้ารางวัล CEO of the Year 2024 จาก Bangkok Post
SOLUX Clinic เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ ตอกย้ำความสวยที่มีระดับ (พรีเมียม)