โชว์ Backlog ที่แข็งแกร่ง เพิ่มขึ้น 11% เป็น 4,107 ล้านบาท รองรับรายได้ในอนาคต พร้อมรุกธุรกิจต่อเนื่อง
จีเอเบิล (GABLE) ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 โชว์ศักยภาพยังคงความแข็งแกร่งและเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีกำไรสุทธิเป็น 60 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 143 จากไตรมาสแรก จากรายได้จากการขายและให้บริการเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 และกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 16 จากไตรมาสก่อน นอกจากนี้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากที่ระดับร้อยละ 19.4 ในไตรมาสแรก เป็นร้อยละ 20.9 ในไตรมาส 2/2566 พร้อมลุยขยายธุรกิจเพื่อรองรับการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
ดร.ชัยยุทธ ชุณหะชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) หรือ GABLE เปิดเผยว่า ในไตรมาส 2 ปี 2566 กลุ่มบริษัทฯ มีผลประกอบการเป็นที่น่าพึงพอใจเติบโตจากไตรมาสแรก และส่วนที่เป็น Growth Engine มีรายได้จากซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นเอง เพิ่มขึ้นร้อยละ 88 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีทิศทางที่สอดคล้องกับ 6 เดือนแรก ปี 2566 มีรายได้จากกลุ่มธุรกิจดังกล่าว เพิ่มขึ้นร้อยละ 95 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนความมุ่งมั่นของกลุ่มบริษัทฯ ในการคิดค้นและสร้างเทคโนโลยีโดยคนไทย ที่มีความสามารถทัดเทียมกับเทคโนโลยีระดับโลก และใช้งานได้จริง นอกจากนี้มีความยินดีที่บริษัท เอ็มเวิร์จ จำกัด ในเครือ บริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจให้บริการโซลูชั่น PropTech ภายใต้ชื่อว่า “SPACE” แพลตฟอร์มการจัดการทรัพย์สินดิจิทัล ได้ร่วมกับ บริษัท มังกี้เทค จำกัด ผู้นำแพลตฟอร์มระบบข้อมูลโรงพยาบาล Hospital Information System (HIS)” ยกระดับอุตสาหกรรมด้านสุขภาพด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยจะร่วมกันบริหารในส่วนของการพัฒนาสินค้าใหม่ร่วมกัน การแบ่งปันความรู้ และการทำธุรกิจร่วมกันทั้งในเชิงธุรกิจและลูกค้า ซึ่งแนวโน้มอุตสาหกรรมด้านสุขภาพ (Healthcare) จะเติบโตในระยะยาว เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของประเทศส่วนใหญ่ที่ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โดยคาดการณ์ว่า ผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไปจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นสองเท่าเป็น 1.5 พันล้านคนภายในปี 2050 คิดเป็น 21% ของประชากรโลก 7,300 ล้านคน ส่งผลให้มีผู้ป่วยเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ต้องพึ่งพาบริการทางการแพทย์เป็นอย่างมาก
นางสาวรวีรัตน์ สัจจวโรดม ประธานบริหารสายงานการเงินและกลยุทธ์ บริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) หรือ GABLE เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ ไตรมาส 2/2566 มีรายได้จากการขายและบริการ 1,223 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 จากไตรมาส 1/2566 มีกำไรขั้นต้น 255 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 จากไตรมาสแรก คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นที่ระดับร้อยละ 20.9 เพิ่มจากร้อยละ 19.4 ในไตรมาสแรก ซึ่งเป็นไปตามแผนธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ ที่ต้องการมุ่งเน้นโซลูชั่นที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 60 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 143 จากไตรมาสแรก ปี 2566 โดยไตรมาส 2/2566 มีอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 4.9 เพิ่มขึ้นจากอัตรากำไรสุทธิในไตรมาสแรกที่ระดับร้อยละ 2.2
สำหรับช่วง 6 เดือนแรก ปี 2566 กลุ่มบริษัทฯ มีอัตราส่วนรายได้ที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง (Recurring Income) อยู่ในระดับร้อยละ 51.2 ซึ่งอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับปีก่อน ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2566 กลุ่มบริษัทฯ มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) กว่า 4,107 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 จาก ณ สิ้นไตรมาสแรก ปี 2566 รองรับการรับรู้รายได้ในอนาคต
จากความสามารถในการทำกำไรอย่างต่อเนื่อง และการมีวินัยทางการเงินของกลุ่มบริษัทฯ ส่งผลให้บริษัทฯ มีอัตราส่วนที่มีภาระหนี้สินที่มีดอกเบี้ยต่อทุน ในระดับ 0.14 เท่า ลดลงจากสิ้นไตรมาสแรก ปี 2566 ที่ระดับ 0.56 เท่า และสิ้นปี 2565 ที่ระดับ 0.59 เท่า ซึ่งการมีหนี้สินอยู่ในระดับต่ำ รองรับการเติบโตของกลุ่มบริษัทฯ ในการลงทุนในธุรกิจเกี่ยวเนื่องที่มีศักยภาพในการเติบโตที่สูงเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทฯ
ทั้งนี้ จีเอเบิลเป็นผู้ประกอบธุรกิจให้บริการโซลูชั่นระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัล มุ่งเน้นกลุ่มโซลูชั่นระดับองค์กร (Enterprise Solution and Services) ที่ครอบคลุมเทคโนโลยีที่สำคัญในโลกยุคดิจิทัล ด้วยจุดเด่น การนำเสนอโซลูชั่นด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลที่ครบวงจรในหลากหลายอุตสาหกรรม ตลอดจน ความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าและเจ้าของผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำจากทั่วโลก นอกจากนี้ การมีรายได้จากการให้บริการที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในสัดส่วนที่สูง (Recurring Income) และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามการให้บริการโซลูชั่นที่ติดตั้งใหม่ในแต่ละปี
“จีเอเบิล เป็นเจ้าของเทคโนโลยี พัฒนาซอฟต์แวร์เป็นของตนเอง (Software Platform) ซึ่งมีการเติบโตในระดับสูง โดยในช่วง 6 เดือนแรกปี 2566 รายได้จากกลุ่มธุรกิจบริการซอฟต์แวร์แพลตฟอร์ม เพิ่มขึ้นร้อยละ 95 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการสร้างความแตกต่างทางการแข่งขันของกลุ่มบริษัทฯ ที่เหนือกว่าคู่แข่ง โดยกลุ่มซอฟต์แวร์แพลตฟอร์ม ถือเป็น Growth Engine ที่พร้อมสำหรับการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มด้านการบริหารจัดการข้อมูล Big Data ของ Blendata แพลตฟอร์มด้านการตลาดดิจิทัลของ InsightEra หรือว่าจะเป็น แพลตฟอร์มด้านการบริหารพื้นที่เช่าของ MVerge ที่อยู่ในทิศทางที่มีความต้องการของตลาด และมีการเติบโตสูง มาจากประสบการณ์ตรงที่ได้จากการทำโครงการให้กับลูกค้า นอกจากนี้ยังมีซอฟต์แวร์แพลตฟอร์มเป็นของตนเองเพิ่มเติมอีกไม่ต่ำกว่า 5 แพลตฟอร์มที่พัฒนา พร้อมนำมาสร้างรายได้ให้กับกลุ่มบริษัทฯ ในอนาคต โดยแพลตฟอร์มของเราตอบโจทย์ลูกค้าได้จริง และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่จะเป็น New Growth Engine ที่สร้างรายได้ให้กับจีเอเบิลในอนาคต” ดร.ชัยยุทธ กล่าวทิ้งท้าย
More Stories
SME D Bank จัดประชุมใหญ่มอบนโยบายโค้งสุดท้ายพื้นที่ภาคใต้ รวมพลัง Quick Win พิชิตเป้าหมายพาเอสเอ็มอีถึงแหล่งทุนหนุนเติบโตยั่งยืน
BAM จัดโครงการ “BAM for Thai Heroes” ปีที่ 2 ตอบแทนฮีโร่ของคนไทย ลดราคาทรัพย์สูงสุดกว่า 70%
TPS ส่งซิกผลงาน Q4/67 สดใสต่อเนื่อง ตุน Backlog 1,931.50 ลบ. – ลุยประมูลงานใหญ่ มั่นใจรายได้ปี 67 เติบโตเข้าเป้าตามแผน