ประเทศไทย กำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงอายุแบบสมบูรณ์ (Aged Society) และจะขยับขึ้นเป็นสังคมสูงอายุแบบสุดยอด (Hyper Aged Society) ซึ่งมีสัดส่วนประชากรที่อายุมากกว่า 65 ปีถึงร้อยละ 20 หรือมีประชากรอายุมากกว่า 60 ปีกว่าร้อยละ 30 ภายในปี พ.ศ. 2584 ซึ่งปัจจุบันปัญหาการเตรียมความพร้อมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ของประเทศไทย เกี่ยวกับเรื่องนโยบายการจัดการเบี้ยยังชีพสำหรับคนชราเงินบำนาญผู้สูงอายุที่อายุครบ 60 ปี ขึ้นไป กำลังเป็นประเด็นร้อนที่ภาครัฐพยายามหาทางปรับเปลี่ยนเพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นจริง เป็นเรื่องสำคัญ ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงด้านรายได้ของผู้สูงอายุ ซึ่งต้องนำมาพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะจะมีผลกระทบในเรื่องของคุณภาพในการใช้ชีวิตต่อไป
ดังนั้น การเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับสังคมสูงวัย ภาครัฐควรส่งเสริมให้มีการเพิ่มทั้งคุณภาพและผลิตภาพ หรือ Productivity ให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมสูงวัย โดยควรต้องพิจารณาปรับโครงสร้างแรงงาน การศึกษา การพัฒนาสมรรถนะของผู้สูงวัย และต้องเพิ่มการลงทุนด้านเทคโนโลยีที่จะสามารถทำให้ผู้สูงวัยยังคง ใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างสะดวก
จากข้อมูล World Economic Forum คนไทยอยู่ติดอันดับอายุยืนเกินค่าเฉลี่ยโลกภายในปี พ.ศ. 2050 โดยมีค่าเฉลี่ยอายุยืนที่ 82 ปี ในขณะที่ค่าเฉลี่ยของทั่วโลกอยู่ที่ 77 ปี และสูงกว่าค่าเฉลี่ยในภูมิภาคเอเชียซึ่งอยู่ที่ 79 ปี สำหรับภูมิภาคที่ประชากรอายุยืนยาวน้อยที่สุดคือแอฟริกาอยู่ที่ 68 ปี อายุเฉลี่ยของคนไทยอายุยืนขึ้นตามแนวโน้มของโลก ปัญหาที่อาจเกิดตามมาคือ ผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น และก็พบว่ามีอัตราการเจ็บป่วยและอัตราการนอนติดเตียงสูงมากเพิ่มขึ้น ซึ่งประเด็นหลักที่สำคัญสำหรับการมีชีวิตที่ยืนยาวคือต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดี จากปัจจัยต่าง ๆ ที่สนับสนุนทั้งในส่วนที่เกี่ยวกับสุขภาพโดยตรงและปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในการดำรงชีวิต
เป็นที่น่าภาคภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ ที่ปัจจุบันมีกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ไทยคิดค้นนวัตกรรมชื่อว่า “วัฒนชีวา” ที่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ช่วยให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงสดใส สร้างเทรนด์การดูแลตนเอง เป็นแนวทางของ Integrated Medicine ด้วยการเลือกรับประทานผลิตภัณฑ์อาหารจากพืชผักผลไม้ของไทยที่ส่งผลต่อความแข็งแรงของสุขภาพร่างกายลึกถึงในระดับโครโมโซม
การดูแลตนเองเพื่อให้มีสุขภาพที่ดี นับว่าเป็นความรับผิดชอบส่วนบุคคลที่ส่งผลต่อสังคมและประเทศชาติ ที่จะช่วยให้สังคมมีความแข็งแรงเติบโต ปัจจุบันวิทยาศาสตร์เจริญก้าวหน้า ทำให้เรารู้ว่าควรดูแลสุขภาพอย่างไรเพื่อให้มีร่างกายที่แข็งแรง ไม่เสื่อมถอยไปตามอายุขัย ด้วยนวัตกรรม “วัฒนชีวา” สูตรที่ทำให้คนเรามีอายุยืนอย่างมีสุขภาพที่แข็งแรง คิดค้นโดยกลุ่มนักวิทยาศาสตร์คนไทย โดยการไปเสริมสร้างความยาวของเทโลเมียร์ ซึ่งเป็นส่วนปลายของโครโมโซม ทำให้ความยาวของเทโลเมียร์ (Telomere) คงไว้ไม่ให้สั้นเร็วถ้าสั้นเร็วก็จะแก่เร็ว และมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคที่เกิดจากความเสื่อมถอยของเซลล์ในร่างกาย เช่น อัมพฤกษ์ อัมพาต อัลไซเมอร์ หลอดเลือดสมอง เกาต์ เบาหวาน ต่อมลูกหมากโต กระดูกพรุน ต้อกระจก ต้อหิน และไต เป็นต้น ภาวะเสื่อมถอยนี้เกิดจากเทโลเมียร์ (Telomere) ที่สั้นลง ปัจจุบัน “วัฒนชีวา” สามารถช่วยลดการเสื่อมถอยเหล่านี้ได้ด้วยการเพิ่มความยาวเทโลเมียร์ พร้อมกับลดอัตราเสี่ยงการเกิดเนื้อร้าย และเพิ่มภูมิคุ้มกันลดการติดเชื้อต่างๆ ไปพร้อมกัน โดยที่คุณสมบัตินี้ไม่มี ในผลิตภัณฑ์อื่นที่ระบุว่าสามารถเพิ่มความยาวเทโลเมียร์ได้
ทั้งนี้ ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา หัวหน้าคณะนักวิจัย Operation BIM ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “นวัตกรรม “วัฒนชีวา” เป็นงานวิจัยที่คิดค้นพัฒนามาอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบโดยคนไทยที่ลงลึกถึงระดับโครโมโซม มีจุดเด่นคือผลิตจากพืชธรรมชาติไทย 5 ชนิด ได้แก่ มังคุด งาดำ ถั่วเหลือง ฝรั่ง ใบบัวบก ที่ใช้รับประทานเป็นอาหารประจำวันอยู่แล้ว และมีข้อมูลด้านความปลอดภัยต่อร่างกายชัดเจน เพราะฉะนั้นสามารถรับประทานได้ในปริมาณมากต่อเนื่องตลอดไปโดยไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย พืชทั้ง 5 ชนิดจะเสริมฤทธิ์กันสร้างร่างกายให้มีสุขภาพดีขึ้นทำให้อ่อนเยาว์ ช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน ย้อนวัย ชะลอวัย ส่งผลให้อายุยืน
โดยภายใน 1 ปีกว่าที่ผ่านมานี้มีผู้ใช้ผลิตภัณฑ์วัฒนชีวา มากกว่า 10,000 คน ย้อนวัยได้สูงสุด 23 ปี ใน 8 สัปดาห์ เพิ่มเม็ดเลือดขาว CD 4 (ที่มีหน้าที่ป้องกันการติดเชื้อต่าง ๆ ) ได้ 5.8% และเพิ่มเม็ดเลือดขาว CD 8 (Killer T Cell หรือเซลล์ทีพิฆาต ที่มีหน้าที่กำจัดเซลล์มะเร็ง) ได้ 8.3% เป็นการสร้างให้ร่างกายเกิดภูมิคุ้มกันและมีความสมดุล พร้อมกับมีสุขภาพที่ดีขึ้น เช่น ความดันโลหิต น้ำตาลในเลือด การนอนหลับ ระบบขับถ่าย สุขภาพผิว ผม เล็บ ดีขึ้น ทำให้ทุกเซลล์ในร่างกายแข็งแรงสามารถกำจัดเซลล์ร้าย เช่น เซลล์มะเร็งได้ ดร.พิเชษฐ์ กล่าวเสริม”
พร้อมเชิญชวนคนไทยร่วมสร้างสุขภาพร่างกายและจิตใจให้แข็งแรงด้วยวัฒนชีวา โดยผู้บริโภคทุกคนจะได้รับการดูแลปรึกษาปัญหาสุขภาพตลอดการใช้ผลิตภัณฑ์จากผู้เชี่ยวชาญ และตั้งเป้าหมายร่วมกันในการมีอายุยืน 100 ปี เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ดูแลตนเองได้ พร้อมรับมือกับสังคมสูงวัยได้อย่างมีความสุข
More Stories
วีเอชดี ส่ง เมอริช คอฟฟี่ ชิงตลาดกาแฟสุขภาพ 3.4 หมื่นลบ.
BDMS Wellness Clinic คว้ารางวัล CEO of the Year 2024 จาก Bangkok Post
SOLUX Clinic เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ ตอกย้ำความสวยที่มีระดับ (พรีเมียม)