ตอกย้ำความมุ่งมั่นเพิ่มคุณค่าชีวิตทุกคน ด้วยอาหารที่ดีกว่า เพื่อชีวิตที่ยั่งยืน
“บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน)” หรือ “BTG” บริษัทอาหารครบวงจรชั้นนำของไทย จัดงาน “BETAGRO SD DAY 2023” ประกาศทิศทางการดำเนินงานด้านความยั่งยืนที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (United Nations Sustainable Development Goals – SDGs) และการดำเนินธุรกิจภายใต้กรอบ ESG (Environmental, Social, and Governance) ชู 5 ยุทธศาสตร์ด้านความยั่งยืน ครอบคลุม 1) การให้ความสำคัญกับคุณภาพและความปลอดภัยด้านอาหาร 2) การจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 3) การพัฒนาชุมชน 4) การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน และ 5) อาชีวอนามัยและความปลอดภัย ตอกย้ำจุดประสงค์ขององค์กรที่มุ่งมั่นเพิ่มคุณค่าชีวิตทุกคน ด้วยอาหารที่ดีกว่า เพื่อชีวิตที่ยั่งยืน
นายวสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ “BTG” กล่าวว่า ในการดำเนินธุรกิจเบทาโกรยึดมั่นในจุดประสงค์ขององค์กรที่มุ่งมั่นเพิ่มคุณค่าชีวิตทุกคน ด้วยอาหารที่ดีกว่า พร้อมทั้งสำนึกรับผิดชอบตลอดห่วงโซ่อุปทาน เพื่อให้มั่นใจว่าทุกผลิตภัณฑ์ของเบทาโกรมีคุณภาพและปลอดภัยสูงสุด ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญยังมุ่งสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน
โดยได้กำหนดแนวทางการดำเนินงานและเป้าหมายด้านความยั่งยืนขององค์กร สอดคล้องกับเป้าหมาย SDGs ที่ให้ความสำคัญกับ 5 เป้าหมายที่มีนัยสำคัญต่อธุรกิจ ได้แก่ การขจัดความอดอยาก สร้างความมั่นคงทางอาหาร, การส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของทุกคน, การสร้างรูปแบบการผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืน, การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และแสวงหาความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน รวมถึงการดำเนินธุรกิจภายใต้กรอบ ESG ครอบคลุมด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล ด้วยการจัดลำดับประเด็นด้านความยั่งยืนที่มีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนผู้มีส่วนได้เสียทั้งห่วงโซ่อุปทานของเบทาโกร (BETAGRO Materiality Topics) โดยในปี 2023-2025 เบทาโกรจะมุ่งเน้นและให้ความสำคัญใน 5 ยุทธศาสตร์สำคัญ ดังนี้
1) คุณภาพและความปลอดภัยด้านอาหาร (Food Quality and Safety) เบทาโกรมุ่งมั่นผลิตอาหารที่มีคุณภาพและความปลอดภัยขั้นสูงสุด โดย “S-Pure” เป็นแบรนด์แรกและหนึ่งเดียวของไทยที่ได้ผ่านการรับรอง “การเลี้ยงที่ไม่มียาปฏิชีวนะ (Raised Without Antibiotics – RWA)” จาก “NSF สหรัฐอเมริกา” ทั้ง 3 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ เนื้อไก่ เนื้อหมู และไข่ไก่ ทั้งนี้ เบทาโกรตั้งเป้าหมายลดการใช้ยาปฎิชีวนะต้านจุลชีพสำหรับสัตว์ลง 50% ภายในปี 2027 เมื่อเทียบกับปีฐาน 2021 ด้วยการใช้นวัตกรรมการเลี้ยงที่ทำให้สัตว์มีสุขภาพดี นอกจากนี้เบทาโกรยังได้สนับสนุนฟาร์มภายนอกบริษัทฯ ให้เกิดความตระหนักรู้ในการใช้ยาต้านจุลชีพอย่างสมเหตุผล และสอดคล้องกับระเบียบข้อบังคับภายในประเทศ พร้อมทั้งได้ออกแบบระบบการติดตามปริมาณการใช้ยา และประเมินความเสี่ยงเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพ จำนวน 4 เชื้อตามข้อกำหนดของกรมปศุสัตว์ในผลิตภัณฑ์ของเบทาโกร เพื่อทำให้มั่นใจว่าผู้บริโภคจะได้รับอาหารที่มีความปลอดภัยขั้นสูงสุด ตลอดจนการริเริ่มโครงการศึกษาและการติดตามเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพ (AMR) เพื่อเพิ่มระดับความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค และสอดคล้องกับแผนยุทธ์ศาสตร์การจัดการเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพของประเทศไทยอีกด้วย
2) การจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change Management) เบทาโกรมุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ด้วยการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้ การใช้พลังงานและทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ตลอดจนการศึกษาและนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ โดยตั้งเป้าลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งทางตรงและทางอ้อมลงมากกว่า 20% ในปี 2030 เมื่อเทียบกับปีฐาน 2022 และมุ่งมั่นสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2050
3) การพัฒนาชุมชน (Community Development) เบทาโกรมุ่งเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาชุมชนและสังคมให้มีความเข้มแข็ง ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ด้วยแนวคิด “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ภายใต้กรอบ “การพัฒนาชุมชนเชิงพื้นที่แบบองค์รวม (Holistic Area-based Community Development)” และมุ่งทำงานร่วมกับหน่วยงานภายในและภายนอกองค์กร เพื่อสร้างชุมชนและสังคมที่ยั่งยืนไปพร้อมกัน โดยตั้งเป้าหมายส่งเสริมความเป็นอยู่และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีให้กับชุมชนรอบสถานประกอบการ ด้วยโครงการพัฒนาเชิงพื้นที่แบบองค์รวมให้ได้ 100% ในปี 2025 กับชุมชนรอบโรงงานและฟาร์มในประเทศ และขยายไปยังสถานประกอบของคู่ค้า เพิ่มจำนวนครัวเรือนที่ได้รับการพัฒนา มีผลกระทบเชิงบวกจากโครงการและกิจกรรมพัฒนาชุมชน จำนวน 20,000 ครัวเรือนในปี 2025 และสร้างอาชีพให้กับกลุ่มคนพิการ จำนวน 50 โครงการในปี 2025
4) การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน (Sustainable Packaging) เบทาโกรตระหนักและมุ่งมั่นสู่ 100% บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Eco – friendly packaging) ด้วยการออกแบบ ปรับปรุง และพัฒนาบรรจุภัณฑ์ (Re-design) เพื่อให้นำกลับมาใช้ซ้ำ (Reusable) หรือนำกลับมาใช้ใหม่ (Recyclable) หรือย่อยสลายได้ทางชีวภาพ (Compostable) รวมถึงลดการใช้ทรัพยากร (Reduce) เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าและประโยชน์สูงสุดภายในปี 2030 ซึ่งปัจจุบันกว่า 97% บรรจุภัณฑ์ของบริษัทฯ มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
5) อาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการปฏิบัติงานเพื่อให้พนักงานมีคุณภาพชีวิตที่ดี (Occupational Health and Safety) เบทาโกรตระหนักเสมอว่า “พนักงานทุกคนเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า เราจึงมุ่งมั่นที่จะดูแลพนักงานให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ภายใต้สถานที่ทำงานและกระบวนการทำงานที่ปลอดภัย” บริษัทฯ จึงมีความพยายามอย่างยิ่งที่จะทำให้จำนวนอุบัติเหตุลดลงจนเป็นศูนย์ ด้วยการนำเอา “การจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิต (Process Safety Management – PSM)” มาเป็นแนวทางในการพัฒนาระบบการจัดการชีวอนามัยและความปลอดภัยของเบทาโกร (BETAGRO Safety Framework) ในปี 2024 เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายอุบัติการณ์เป็นศูนย์ (Zero Incident) อีกด้วย
“ยุทธศาสตร์ทั้ง 5 ด้านไม่เพียงจะสร้างการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับเบทาโกรเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับอุตสาหกรรมอาหารของประเทศไทย สร้างความเข้มแข็งและเติบโตไปด้วยกัน ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ตอกย้ำการเป็นบริษัทอาหารครบวงจรชั้นนำของไทยที่มุ่งมั่นเพิ่มคุณค่าชีวิตทุกคน ด้วยอาหารที่ดีกว่า เพื่อชีวิตที่ยั่งยืนสำหรับทุกคน” นายวสิษฐ กล่าวทิ้งท้าย
More Stories
รฟฟ.บีแอลซีพี ร่วมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำกว่า 1.6 ล้านตัว ต่อเนื่องเป็นปีที่ 22 สานต่อ ESG หนุน SDGs
OR ตอกย้ำแนวคิดสังคมสะอาด มอบรางวัลโครงการ “แยก แลก ยิ้ม School Camp ประจำปี 2567”
เอสซีจี ซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชันส์ ร่วมบรรยายในงานประชุม The 58th