(27 พฤศจิกายน 2566) เวลา 10.00 น. นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในงานวันคล้ายวันก่อตั้งการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กระทรวงคมนาคม ครบรอบ 51 ปี โดยมี นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการ กทพ. ผู้บริหาร พนักงานและลูกจ้าง กทพ. ร่วมให้การต้อนรับ ณ หอประชุม 0101 ชั้น 1 อาคารศูนย์บริหารทางพิเศษ กทพ.
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า กทพ. ถือได้ว่าเป็นหน่วยงานอันดับต้น ๆ ที่มีส่วนช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางของพี่น้องประชาชน และช่วยแก้ไขปัญหาจราจรในภาพรวมของกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล รวมถึงจังหวัดต่าง ๆ ทั่วภูมิภาคของประเทศไทย ซึ่งตลอดระยะเวลา ที่ผ่านมา กทพ. มีผลงานการพัฒนาและนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ในการให้บริการประชาชนไม่ว่าจะเป็นระบบ เก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติด้วยบัตร Easy Pass การพัฒนาศูนย์ควบคุมระบบจราจรอัจฉริยะ (ITS Center) การพัฒนาระบบ e-Service การจัดตั้งศูนย์บริหารการจราจรทางพิเศษ (Expressway Traffic Management Center) และปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการติดตั้งระบบเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติแบบไม่มีไม้กั้น หรือ M-Flow ตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม เพิ่มความสะดวกในการผ่านทางพิเศษให้กับประชาชน อันหมายถึงความสุขของประชาชนในทุกมิติ “คมนาคม เพื่อความอุดมสุขของประเทศ” อีกด้วย
นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการ กทพ. เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 51 ปี ที่ กทพ. ได้ก่อตั้งขึ้นนับตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน 2515 จนถึงปัจจุบัน กทพ. ได้เปิดให้บริการทางพิเศษไปแล้ว 8 สายทาง รวมระยะทาง 224.6 กิโลเมตร ประกอบด้วย ทางพิเศษเฉลิมมหานคร ทางพิเศษศรีรัช ทางพิเศษฉลองรัช ทางพิเศษบูรพาวิถี ทางพิเศษอุดรรัถยา ทางพิเศษสายบางนา-อาจณรงค์ ทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) และทางพิเศษประจิมรัถยา และมีโครงการสำคัญเร่งด่วนที่กำลังดำเนินการ 3 โครงการ คือ
1) โครงการทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ด้านตะวันตก ระยะทาง 18.7 กิโลเมตร กำหนดเปิดให้บริการภายในต้นปี 2568
2) โครงการทางพิเศษฉลองรัชส่วนต่อขยาย (ช่วงจตุโชติ-ถนนลำลูกกา) ระยะทาง 16.2 กิโลเมตร ที่อยู่ระหว่างดำเนินการหาผู้รับจ้างดำเนินการ
3) โครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ระยะที่ 1 ตอน N2 ถนนประเสริฐมนูกิจ-ถนนวงแหวน รอบนอกด้านตะวันออก ระยะทาง 11.3 กิโลเมตร อยู่ระหว่างเสนอ ครม. ขออนุมัติดำเนินโครงการฯ
นอกจากนี้ ในด้านการจัดเก็บค่าผ่านทาง ได้ติดตั้งระบบเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติแบบไม่มีไม้กั้น Multi-lane Free Flow หรือ M-Flow ตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม โดยร่วมกับกรมทางหลวง ในการบูรณาการ ให้เป็นไปในรูปแบบและมาตรฐานเดียวกัน เพื่อแก้ไขปัญหารถติดหน้าด่านเก็บค่าผ่านทาง โดยกำหนดเปิดให้บริการบนทางพิเศษฉลองรัช ที่ด่านฯ จตุโชติ, ด่านฯ สุขาภิบาล 5-1 และด่านฯ สุขาภิบาล 5-2 ในกลางปี 2567 รวมถึงดำเนินการติดตั้งบนทางพิเศษฉลองรัชในด่านฯ ที่เหลือ และดำเนินการติดตั้งบนทางพิเศษบูรพาวิถี ทางพิเศษกาญจนาภิเษก
(บางพลี-สุขสวัสดิ์) และบนทางพิเศษศรีรัช ทางพิเศษเฉลิมมหานคร ทางพิเศษอุดรรัถยาต่อไป นอกจากนี้ ยังจะได้ติดตั้งระบบ M-Flow ในทางพิเศษที่จะดำเนินการในอนาคตอีกด้วย
กทพ. มุ่งมั่นในการพัฒนา และปรับสถานะขององค์กรให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนได้รับรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น ประจำปี ๒๕๖๕ ประเภทรางวัล “การพัฒนาองค์กรดีเด่น” จากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ซึ่งถือเป็นหน่วยงานเดียวในกระทรวงคมนาคมที่ได้รับรางวัลนี้ และ กทพ. ยังได้รับคะแนน ในการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment : ITA) ประจำปี 2566 อยู่ในเกณฑ์ผ่านดี 94.11 คะแนน นอกจากนี้ กทพ. ถือเป็นรัฐวิสาหกิจ ชั้นแนวหน้าในการนำส่งเงินเข้ารัฐเป็นรายได้ของแผ่นดินเพื่อช่วยในการพัฒนาประเทศมาโดยตลอด โดยได้ส่งเงินเป็นรายได้ของแผ่นดินเพื่อนำไปพัฒนาประเทศมาตั้งแต่ปี 2526 โดยนับถึงปัจจุบัน กทพ. นำส่งเงินเข้ารัฐไปแล้วมากกว่า 47,861 ล้านบาท และล่าสุดปี 2565 กทพ. ได้นำส่งเงินเข้ารัฐจำนวน 3,064 ล้านบาท
นอกเหนือจากภารกิจการยกระดับมาตรฐานการดำเนินงานเพื่อประชาชนแล้ว กทพ. ยังคำนึงถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและสร้างระบบการทางพิเศษที่ยั่งยืน เพื่อให้สามารถรับมือกับการเติบโตของชุมชนเมืองและสภาพปัญหาการจราจรควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อมให้ดีที่สุด โดย กทพ. ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ กับสมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA) เพื่อขับเคลื่อน “MISSION 2023” ส่งเสริมใช้ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก
ทุกการก่อสร้างเครือข่ายระบบทางพิเศษ นำร่อง 2 โครงการทางพิเศษ ลดก๊าซเรือนกระจก 34,104 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ สนับสนุน Thailand Net Zero สู้วิกฤตเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) อย่างยั่งยืน
นอกจากการให้บริการทางพิเศษ ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล กทพ. ยังได้มีแผนพัฒนาโครงข่ายทางพิเศษในจังหวัดภูมิภาค ได้แก่ โครงการทางพิเศษสายฉลองรัช-นครนายก-สระบุรี ระยะที่ 1 (ช่วงจตุโชติ-ถนนลำลูกกา) ระยะทาง 17 กิโลเมตร โครงการทางพิเศษสายกะทู้-ป่าตอง จังหวัดภูเก็ต ระยะทาง 3.98 กิโลเมตร โครงการทางพิเศษสายเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้ จังหวัดภูเก็ต ระยะทาง 30 กิโลเมตร รวมถึงโครงการทางพิเศษเชื่อมเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี และโครงการทางพิเศษเกาะแก้ว จังหวัดตราด ที่อยู่ระหว่างศึกษาความเหมาะสมในด้านต่าง ๆ
“กทพ. จะยังคงพัฒนาศักยภาพ เพื่อให้ทางพิเศษเป็นทางเลือกที่คุ้มค่า ปลอดภัย ได้มาตรฐาน สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมคุณภาพชีวิต คนไทยอย่างยั่งยืน และจะไม่จำกัดอยู่แค่พื้นที่กรุงเทพฯ
และปริมณฑลเท่านั้น เพราะคำว่าการทางพิเศษแห่งประเทศไทย พวกเราพร้อมก้าวออกไปแก้ไขปัญหาจราจร และอำนวยความสะดวกในการเดินทาง ให้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ในโอกาสก้าวผ่านเกินครึ่งศตวรรษ สู่ปีที่ 52 ด้วยคำจำกัดความว่า ก้าวย่างอย่างมั่นใจ นำเส้นทางใหม่สู่ภูมิภาค” นายสุรเชษฐ์ฯ กล่าวในท้ายที่สุด
More Stories
SCB WEALTH ปิดรอบพิเศษละครเวที “ฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล”
เคนยากุ จัดประชุมแผนกลยุทธ์ประจำปี 2568
เปิดแล้ว! ครั้งแรกกับ โดรนเทค เอเชีย 2024 งานที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานพาหนะไร้คนขับของอาเซียน กว่า 100 แบรนด์ชั้นนำ และคนในวงการร่วมเปิดมุมมองใหม่ผ่านการเสวนา ประชุม 15 หัวข้อน่าสนใจ และการสาธิตนวัตกรรมที่หลากหลาย