การสูญเสียฟันทั้งปาก เป็นปัญหาที่พบบ่อยในคนสูงอายุ โดยเฉลี่ยในคนอายุ 60 ปีขึ้นไป จะมีการสูญเสียฟันทั้งปาก ประมาณ 20 % ของประชากรทั่วโลก แม้ว่าจะแตกต่างกันในแต่ละประเทศ แต่สิ่งที่ได้เปรียบในประเทศที่พัฒนาคือการได้ใส่รากฟันเทียมทดแทนฟันที่สูญเสียไป การใส่รากฟันเทียมทั้งปาก ไม่ได้เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ง่าย และเหมาะสมกับทุกคนเสมอไป ดังนั้น เทคนิคที่เรียกว่ารากฟันเทียม All-on-4 จึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์คนสูงวัยให้กลับมามีรอยยิ้มที่สวยงามพร้อมบดเคี้ยวอาหารได้อีกครั้ง
ทันตแพทย์หญิงสุชาดา ก้องเกียรติกมล ผู้ช่วยผู้อำนวยการคลินิกทันตกรรม บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก กล่าวว่า ปัญหาสุขภาพในช่องปากผู้สูงวัยที่ส่วนใหญ่เกิดจากการจากสูญเสียฟันทั้งปากและเลือกที่จะใส่ฟันปลอมแทน ซึ่งการใส่ฟันปลอมนานๆ ประสิทธิภาพในการใช้ฟันจะลดลง แรงของการบดเคี้ยวของฟันปลอมเทียบกับฟันธรรมชาติลดลง 10 เท่า ซึ่งไม่ได้ส่งผลแค่เรื่องฟันอย่างเดียว แต่นำไปสู่ภาวะขาดสารอาหารร่วมด้วย เนื่องจากไม่สามารถบดเคี้ยวอาหารได้อย่างเต็มที่ ซึ่งการทำ All-on -4 จะตอบโจทย์มากเพราะสามารถทดแทนฟันธรรมชาติได้ ด้วยวิธีการ การใส่รากฟันเทียม โดยใช้รากเทียม 4 ตัว เพื่อรองรับฟันปลอมติดแน่นทั้งขากรรไกร การใช้รากเทียมเพียง 4 ตัว จึงถือเป็นการผ่าตัดที่เจ็บน้อย โดยไม่ต้องผ่าตัดหลายครั้ง และสามารถรองรับฟันปลอมได้ทั้งขากรรไกร สามารถทำเสร็จได้ภายในครั้งเดียว เพียงใช้ยาชาเฉพาะที่เท่านั้นซึ่งถือเป็นข้อดีสำหรับการทำด้วยวิธีการนี้
โดยปกติการผ่าตัดฝังรากเทียมใช้เวลาประมาณ 2.30 ชม. ในการทำต่อขากรรไกร โดยเราอาจทำทั้งขากรรไกรบน หรือ ขากรรไกรล่าง ในวันเดียวกัน เริ่มต้นด้วยการตรวจในช่องปากอย่างละเอียด ทั้งโครงสร้างของใบหน้า ฟันธรรมชาติที่เหลืออยู่ สภาพช่องปากและกระดูกขากรรไกร หลังจากนั้นจะส่งถ่าย X-ray CT ได้รูปร่างฟันและกระดูกขากรรไกรในภาพ 3 มิติ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะจำเป็นสำหรับการผ่าตัดฝังรากเทียม เพราะสามารถบ่งบอกถึงตำแหน่งโพรงอากาศข้างจมูก เส้นประสาทต่างๆ เพื่อที่จะกำหนดตำแหน่งรากเทียม หลังจากนั้น ข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ จะสามารถกำหนดตำแหน่งของรากเทียม เพื่อให้ได้การวางแผนที่ถูกต้อง และได้ Surgical Guide ในการผ่าตัด
สำหรับวันผ่าตัดฝังรากเทียม ทันตแพทย์จะอธิบายขั้นตอนและผลข้างเคียงจากการรักษาอีกครั้ง เพื่อให้คนไข้เข้าใจถึงกระบวนการทั้งหมด และในการผ่าตัด คนไข้จะได้รับการฉีดยาชา เพื่อมั่นใจว่า ไม่มีความเจ็บปวดในระหว่างทำการผ่าตัดฝังรากเทียม หลังจากขบวนการผ่าตัดเรียบร้อย ทันตแพทย์จะนำฟันปลอมทั้งปากที่คนไข้มีอยู่แล้ว หรือ เตรียมไว้แล้ว มายึดติดกับรากเทียม คนไข้ก็จะได้ฟันปลอมชนิดติดแน่นทั้งขากรรไกร กลับไปใช้ได้ภายในวันเดียวกับที่ฝังรากเทียม หลังจากรอเวลาการยึดติดอย่างสมบูรณ์ของรากเทียม และ กระดูกขากรรไกร คนไข้สามารถเปลี่ยนเป็นฟันปลอมที่แข็งแรง โดยสามารถเลือกวัสดุแบบฐานโลหะ หรือเป็น Zirconia ก็สามารถทำได้
ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยขึ้น เราสามารถวางแผนในคอมพิวเตอร์ เพื่อกำหนดจุดในการผ่าตัดฝังรากเทียมได้อย่างแม่นยำ และสามารถเตรียมฟันปลอม เพื่อพร้อมใส่ในวันเดียวกับวันฝังรากเทียม เพื่อได้มีรอยยิ้มได้ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มทำ นอกเหนือจากนั้น All-on -4 ยังลดเวลาการรักษา โดยไม่ต้องเสริมกระดูก และยังมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า เมื่อเทียบกับคนไข้ที่สูญเสียฟันทั้งปากที่ต้องทำรากเทียม
ถึงแม้ว่าคนที่สูญเสียฟันทั้งปาก จะเป็นผู้ที่เหมาะกับการทำ All-on-4 แต่ทันตแพทย์ผู้ชำนาญการจะต้องประเมินอย่างถี่ถ้วน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นในการตัดสินใจเพื่อที่จะเลือกแผนการรักษาให้เหมาะสมในแต่ละเคส และในบางกรณีอาจใช้รากเทียม 4-6 ตัวในการรองรับฟันปลอมทั้งขากรรไกร เพื่อความมั่นคงและประสิทธิภาพในการใช้งานได้ยาวนาน ขึ้นอยู่กับสภาวะ และ ลักษณะของกระดูกขากรรไกร ซึ่งทันตแพทย์ผู้มีความชำนาญ และประสบการณ์จะเป็นผู้พิจารณา
คลินิกทันตกรรม บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก ดูแลและวางแผนการรักษาโดยทีมทันตแพทย์เฉพาะด้าน ที่มีความรู้ ความชำนาญ และประสบการณ์ พร้อมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลด้านทันตกรรมเพื่อให้ได้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพตอบโจทย์สภาพช่องปากและฟันของคนไข้ นอกจากนี้ คนไข้ควรให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาความสะอาด และหมั่นตรวจสุขภาพช่องปากกับทันตแพทย์เป็นประจำสม่ำเสมอ อย่างน้อยทุก 6 เดือนเนื่องจากการทำรากเทียมถูกประดิษฐ์ขึ้นมาเพื่อใช้ทดแทนฟันธรรมชาติที่สูญเสียไป จึงจำเป็นต้องเข้ามาตรวจเช็คและปรับให้เข้ากับการใช้งานอย่างเหมาะสมเพื่อการใช้งานได้ยืนยาว
#DentalWellnessClinic at #BDMSWellnessClinic #YourSmileOurPassion #Onedaysolutions #รากฟันเทียม #ผู้สูงวัย #DentalImplant #Allon4Dentalimplants
More Stories
J&C เปิดตัวสินค้าใหม่ “HERBALANCE”
โรงพยาบาลวิมุต สถาบันประสาทวิทยา และ Agnos health ร่วมทดสอบการใช้งาน ‘AN AN Bot’ AI ช่วยตอบคำถามผู้ป่วย
ครั้งแรกของซุปตาร์ตัวพ่อ “ณเดชน์ คูกิมิยะ” กับการก้าวสู่วงการนวัตกรรมความงาม!