26 พฤศจิกายน 2024

THE MASTER

ย่อโลกข่าวไว้ในมือคุณ

OR ร่วมกับ การบินไทย เติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) เที่ยวบินนำร่อง

นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR พร้อมด้วย นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และนายจีรัฐติกุล เอี่ยมหิรัญ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานภูเก็ต สายปฏิบัติการและบำรุงรักษา บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (AOT) ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดเที่ยวบินนำร่องของการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) โดย OR การบินไทย และ AOT โดยมี นายทรงพล เทพนำโสมนัสส์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจเอนเนอร์ยี่โซลูชัน OR และ นายทวิโรจน์ ทรงกำพล ประธานเจ้าหน้าที่สายกลยุทธ์องค์กร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและแขกผู้มีเกียรติ ร่วมพิธี ณ สนามบินนานาชาติภูเก็ต

นายดิษทัต เปิดเผยว่า ในวันนี้ OR ให้บริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) ในเที่ยวบินปฐมฤกษ์ของการบินไทย เส้นทางภูเก็ต-กรุงเทพฯ ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต เพื่อแสดงถึงการตระหนักในความสำคัญของสิ่งแวดล้อมและการร่วมลงมือดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม โดย SAF เป็นน้ำมันที่ผลิตจากน้ำมันทำอาหารที่ใช้แล้วหรือที่เรียกว่า UCO (Used Cooking Oil) ที่มีคุณสมบัติทางเคมีที่คล้ายคลึงกับน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน (Jet A-1) และสามารถผสมเข้ากับน้ำมัน Jet A-1 เพื่อให้ใช้ในเครื่องบินได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนหรือปรับปรุงเครื่องยนต์ใด ๆ มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตลอดวงจรชีวิตน้อยกว่าเชื้อเพลิงอากาศยานโดยทั่วไป โดยเชื้อเพลิง SAF สำหรับเที่ยวบินปฐมฤกษ์นี้ ได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน ได้แก่ ผู้ผลิตโดย บริษัท Neste ประเทศฟินแลนด์ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืนชั้นนำของโลก และ บริษัท ปตท. ค้าสากล จำกัด (PTTT) บริษัทในกลุ่ม ปตท. ซึ่งเป็นผู้จัดหาและนำเข้า รวมทั้ง บริษัท PETCO TRADING LABUAN COMPANY LIMITED (PTLCL) ประเทศมาเลเซีย ผู้จำหน่ายและผู้บริหารการขนส่งมายังจังหวัดภูเก็ต

การใช้ SAF ในอุตสาหกรรมการบินสำหรับเที่ยวบินนำร่องของการบินไทยจึงเป็นวิธีการหนึ่งที่จะช่วยให้การบินไทยสามารถบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคการบินระหว่างประเทศตามข้อบังคับของ ICAO ในอนาคต และสอดคล้องกับนโยบายการเป็น Energy Solution Provider ของ OR อีกทั้งยังสอดคล้องกับแนวทาง OR SDG ในด้าน “G” หรือ “GREEN” ที่มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ครอบคลุมตลอดทั้งการดำเนินธุรกิจ และเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาด สร้างสิ่งแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ (Healthy Environment) เพื่อตอบโจทย์เป้าหมาย OR 2030 อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งยังสร้างความยั่งยืนทางพลังงาน และส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยอีกด้วย

Skip to content