ประเทศไทย, – ขณะที่ประเทศไทย สิงคโปร์ และประเทศอื่น ๆ เปิดพรมแดนรับนักท่องเที่ยวชาวจีนโดยไม่ต้องขอวีซ่า Alipay+ แพลตฟอร์มการตลาดและการชำระเงินระหว่างประเทศผ่านมือถือที่ดำเนินการโดย Ant International ได้ยกระดับการเดินทางทั่วโลกสำหรับพันธมิตรด้านธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว เพื่อรองรับการท่องเที่ยวช่วงตรุษจีนอย่างเต็มรูปแบบครั้งแรกภายหลังการแพร่ระบาด ปัจจุบัน Alipay+ ให้บริการใน 57 ประเทศ โดยเชื่อมโยงผู้ค้ากว่า 88 ล้านรายทั่วโลกเข้ากับบัญชีผู้ใช้ 1.5 พันล้านบัญชีผ่านอีวอลเล็ทและแอปชำระเงินชั้นนำกว่า 25 รายการ นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปต่างประเทศสามารถชำระเงินแบบออนไลน์และออฟไลน์ด้วยแอปชำระเงินที่มีอยู่แล้วในประเทศตนเองได้อย่างง่ายดายและปลอดภัยทั่วโลก ขณะเดียวกัน ร้านค้าต่าง ๆ ยังสามารถใช้เครื่องมือด้านการตลาดดิจิทัลและการขยายธุรกิจของ Alipay+ เพื่อดึงดูดผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เดือนมกราคม 2567 วอลเล็ทที่เป็นพันธมิตรของ Alipay+ และแอปธนาคารรวมถึง True Money (ไทย), Alipay (จีนแผ่นดินใหญ่), AlipayHK (เขตบริหารพิเศษฮ่องกง, จีน), GCash (ฟิลิปปินส์), Touch ‘n Go eWallet (มาเลเซีย), OCBC Digital (สิงคโปร์) และอื่น ๆ
ดักลาส แอล. ฟีจิน ประธานบริหาร Alipay+ กล่าวว่า “ปี 2567 จะเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นสำหรับ Alipay+ ในการปลดล็อกนวัตกรรมดิจิทัลมากมายสำหรับการค้าระหว่างประเทศทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ ขณะที่การท่องเที่ยวทั่วโลกกลับมาอีกครั้ง เทศกาลตรุษจีนจึงเป็นช่วงเวลาที่ดีในการมีพันธมิตรใหม่ ๆ ริเริ่มแคมเปญต่าง ๆ และการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ราบรื่นและน่าประทับใจ พร้อมทั้งเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้ค้าทั้งรายใหญ่และรายย่อย”
แคมเปญสุดพิเศษเพื่อกระตุ้นการเติบโตของร้านค้า และให้ผู้บริโภคใช้จ่ายอย่างคุ้มค่า
วันหยุดตรุษจีนปี 2567 เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ โดยยอดจองตั๋วโดยสารสำหรับการเดินทางออกนอกประเทศจีนเพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2566 จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยอดนิยม ได้แก่ ประเทศที่มีนโยบายปลอดวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีน เช่น ไทย สิงคโปร์ และมาเลเซีย รวมถึงจุดหมายยอดนิยมอื่น ๆ เช่น ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้[1] นอกจากนี้ คาดว่ายอดใช้จ่ายในต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นอย่างมากในประเทศอื่น ๆ ในเอเชียด้วยเช่นกัน เช่น ในสิงคโปร์ มียอดจองตั๋วโดยสารและที่พักเพิ่มขึ้น 7 เท่าในช่วงเทศกาลตรุษจีนในปี 2566[2]
ในมาเลเซีย ห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ เตรียมพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น[3] ขณะที่ประเทศไทย คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเกือบ 1 ล้านคน สร้างรายได้ให้กับเศรษฐกิจท้องถิ่นเป็นมูลค่าสูงถึง 28,400 ล้านบาท (ประมาณ 800 ล้านดอลาร์สหรัฐฯ) โดยคาดว่านักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ และเขตบริหารพิเศษฮ่องกง[4]
เพื่อให้แอป Alipay เป็นเพื่อนคู่หูในการเดินทางสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางทั่วโลก Alipay ได้ลงทุนในการสร้างความเป็นผู้นำตลาดด้วยกลยุทธ์ 3 R ได้แก่ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ (Exchange Rate) ที่โปร่งใสและแข่งขันได้ แพ็คเกจอินเทอร์เน็ตโรมมิ่ง (Roaming) ฟรีหรือมีส่วนลดพิเศษ และการเพิ่มความสะดวกสบายในการเรียกรถโดยสาร (Ride-hailing) ผ่านแอปในประเทศต่างๆ มากขึ้น ผู้ค้าทั่วโลกเตรียมนำเสนอแพ็คเกจพิเศษที่หลากหลายสำหรับโอกาสนี้โดยเฉพาะ เช่น:
- ชุดบัตรกำนัลพิเศษพร้อมส่วนลดสูงสุดถึง 90 เปอร์เซ็นต์สำหรับใช้กับร้านค้า Alipay+ ทุกแห่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- ดีลพิเศษสำหรับร้านค้าริมทางกว่า 500 ร้าน รอบๆ ภูเขาไฟฟูจิในเมืองฟูจิโยชิดะและทะเลสาบคาวากุจิของญี่ปุ่น
- ร้านค้าทุกแห่งภายใต้โครงการ ZeroPay ทั่วเกาหลีใต้ และร้านค้าในย่านช้อปปิ้งยอดนิยมอย่างเมียงดง
- แบรนด์หรูทั่วยุโรป เช่น Cartier, Valentino, Harrods, Selfridges, Duomo di Milano, La Rinascente และ El Corte Ingles
- ร้านค้าปลอดภาษีที่สนามบินดูไบในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จะดำเนินการจับฉลากตั๋วเข้าชมฟุตบอลยูฟ่าตลอดเดือนกุมภาพันธ์ โดยผู้ใช้ Alipay+ ที่มียอดใช้จ่ายเกินกว่า 250 AED จะมีสิทธิ์ลุ้นรับตั๋วยูฟ่าหนึ่งชุด พร้อมตั๋วเครื่องบินและที่พัก
การขยายอีโคซิสเต็มของผู้ค้าระหว่างประเทศ
ในปี 2567 จะมีการขยายจำนวนผู้ค้า Alipay+ ในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ๆ โดยเป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากปี 2566
ในปี 2566 Alipay+ ได้กลายเป็นพันธมิตรด้านโซลูชั่นดิจิทัลระหว่างประเทศเพียงรายเดียวใน National QR ชั้นนำในภูมิภาคนี้ ซึ่งได้แก่ SGQR (สิงคโปร์), DuitNow (มาเลเซีย) และ ZeroPay (เกาหลีใต้) ส่งผลให้ผู้ใช้บริการระบบชำระเงินที่เป็นพันธมิตรของ Alipay+ สามารถชำระเงินโดยใช้อีวอลเล็ทจากประเทศของตนเองกับร้านค้าทั้งเล็กและใหญ่ในประเทศเหล่านี้ ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางและชำระเงินเสมือนเป็นคนท้องถิ่นได้ง่ายขึ้น ในสิงคโปร์ มีการเปิดรับชำระเงินผ่าน SQGR ในทุกที่ทั่วทั้งเกาะ รวมถึงศูนย์อาหารทุกแห่ง ขณะที่ DuitNow QR ของมาเลเซียได้รับการยอมรับจากผู้ค้า 1.8 ล้านราย และ ZeroPay ของเกาหลีใต้ครอบคลุมผู้ค้า 1.7 ล้านราย ทั้งนี้ ในมาเลเซีย พันธมิตรด้านระบบชำระเงินของ Alipay+ จำนวน 8 ราย เพิ่งเปิดให้บริการบนแพลตฟอร์ม DuitNow QR ในช่วงไตรมาสที่สี่ของปี 2566
สำหรับแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ:
- ประเทศไทย: ร้านค้าที่เป็นพันธมิตรกับ Alipay+ มากกว่า 100,000 แห่ง รวมถึงแบรนด์สากลระดับพรีเมียม เช่น คิงเพาเวอร์, จิม ทอมสัน และห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ เช่น เซ็นทรัล โรบินสัน สยามพารากอน และเอ็มควอเทียร์ ล่าสุดมีการขยายความร่วมมือกับเซเว่น-อีเลฟเว่น แมคโดนัลด์ และบิ๊กซี ซูเปอร์มาร์เก็ต ทำให้นักท่องเที่ยวได้รับความสะดวกสบายมากขึ้นในทุกวัน ขณะที่สามารถเดินทางไปตามที่สถานที่ต่างๆ ทั่วประเทศไทยได้เหมือนอยู่ในประเทศตนเอง
- สิงคโปร์: จำนวนร้านค้าที่เป็นพันธมิตรกับ Alipay+ ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีการเพิ่มสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม เช่น Resorts World Sentosa (RWS), Mount Faber Peak และ Jumbo Seafood ทั้งนี้ RWS ได้นำเสนอแคมเปญเทศกาลสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีนผ่าน Alipay ซึ่งผู้ใช้สามารถเข้าถึงโปรโมชั่นและสิทธิพิเศษในแอปดังกล่าว
- ญี่ปุ่น: Alipay+ ได้รับการยอมรับจากผู้ค้ามากกว่า 1.5 ล้านราย ทั้งนี้ Naver Pay และ Toss Pay ของเกาหลีใต้, OCBC Digital และ Changi Pay ของสิงคโปร์, MyPB by Public Bank ของมาเลเซีย, Tinaba ของอิตาลี, Hipay ของมองโกเลีย และ MPay ของมาเก๊า เป็นช่องทางชำระเงินดิจิทัลล่าสุดที่สามารถใช้ชำระเงินที่ร้านค้าในเครือ PayPay ทั่วประเทศ ส่งผลให้อี-วอลเล็ทและแอปธนาคารที่เป็นพันธมิตรของ Alipay+ ที่สามารถใช้กับผู้ค้ารายย่อยในญี่ปุ่นมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 16 ราย
- ยุโรป: Alipay+ ร่วมมือกับ IVS เพื่อรองรับการใช้งาน Alipay+ บนตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติในประเทศต่าง ๆ เช่น อิตาลี สเปน และฝรั่งเศส โดยมีการเสนอโปรโมชั่นพิเศษสำหรับผู้ใช้ที่ชำระเงินด้วย Alipay+ จนถึงเดือนมีนาคม 2567
- อิตาลี: การบริการที่ครอบคลุมของ Alipay+ กับ URI Taxi ซึ่งเป็นสมาคมสหกรณ์รถแท็กซี่ที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันครอบคลุมรถแท็กซี่กว่า 10,000 คันใน 12 ภูมิภาคของอิตาลี รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำ เช่น มิลาน โรม และฟลอเรนซ์
- สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์: Alipay+ ได้ประกาศความร่วมมือใหม่กับอุตสาหกรรมสำคัญ ๆ และหน่วยงานภาครัฐในดูไบและอาบูดาบี โดยในดูไบ มีผู้ค้ากว่า 100,000 รายเปิดรับชำระเงินผ่าน Alipay+ ขณะที่แท็กซี่กว่า 17,000 คันทั่วสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์รองรับอีวอลเล็ทที่เป็นพันธมิตรของ Alipay+ และแอปธนาคาร นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวจะได้รับประโยชน์จากการขอคืนภาษีแบบเรียลไทม์เมื่อซื้อสินค้าโดยใช้อีวอลเล็ทจากประเทศของตนผ่าน Alipay+ ที่สนามบินดูไบ อาบูดาบี และชาร์จาห์
ฟีจิน กล่าวเพิ่มเติมว่า “ธุรกิจท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ มีความสำคัญอย่างมากต่อการสร้างความเจริญรุ่งเรืองระดับประเทศและระดับภูมิภาคในเอเชียและที่อื่น ๆ Alipay+ จะยังคงขยายความร่วมมือและพัฒนาต่อยอดชุดเครื่องมือดิจิทัลของเรา โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างความเจริญให้กับชุมชนต่าง ๆ โดยอาศัยการท่องเที่ยวและการค้าระหว่างประเทศ”
[1] Asia Gaming Brief: China’s outbound travel bookings surge 10 times during Chinese New Year
[2] The Straits Times: More Singaporeans headed overseas for CNY; bookings almost back to pre-pandemic levels
[3] The Star: Retailers looking to Chinese New Year sales
[4] The Nation: Upcoming Chinese New Year to generate Bt34 bn in spending: TAT
More Stories
แม่โขง ดันซอฟต์พาวเวอร์ค็อกเทลไทยสู่สากล ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 กับงาน Mekhong The Spirit Competition 2024
แม่โขง ดันซอฟต์พาวเวอร์ค็อกเทลไทยสู่สากล ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 กับงาน Mekhong The Spirit Competition 2024
เคอีเอ็กซ์ ยกระดับบริการเรียกรถเข้ารับพัสดุถึงบ้าน สร้างความสะดวกแบบใหม่