26 พฤศจิกายน 2024

THE MASTER

ย่อโลกข่าวไว้ในมือคุณ

กลุ่มเอไอเอ ผลประกอบการQ1/64แข็งแกร่ง เติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ที่เพิ่มขึ้น19%

ประกัน/AIA

ฮ่องกง, 14 พฤษภาคม 2564 – กลุ่มบริษัทเอไอเอ (“เอไอเอ” หรือ “บริษัท” รหัสหลักทรัพย์: 1299) ประกาศผลประกอบการ โดยมีปัจจัยสำคัญอยู่ที่มูลค่าธุรกิจใหม่ ประจำไตรมาสที่ 1 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564

สรุปสาระสำคัญทางการเงิน

อัตราการเติบโตรายงานจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ ตามรายละเอียดด้านล่าง

  • มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เพิ่มขึ้นร้อยละ 19 เป็น 1,052ล้านเหรียญสหรัฐ
  • เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เป็น 1,703 ล้านเหรียญสหรัฐ
  • อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin) เพิ่มขึ้น 4.5จุด เป็นร้อยละ 61.6
  • เบี้ยประกันภัยรับรวม (TWPI) เพิ่มขึ้นร้อยละ 6เป็น 9,663 ล้านเหรียญสหรัฐ
หน่วย : ล้านเหรียญสหรัฐ
เว้นแต่ระบุเป็นอย่างอื่น
ไตรมาสที่ 1
ปี  2564
ไตรมาสที่ 1
ปี 2563
เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของ
ปีก่อน (อัตราแลกเปลี่ยนคงที่)
เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (อัตราแลกเปลี่ยนตามจริง)
มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB)1,05284119%25%
อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin)61.6%56.6%4.5 จุด5 จุด
เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP)1,7031,48310%15%
เบี้ยประกันภัยรับรวม (TWPI)9,6638,7966%10%

นายหลี่ หยวน ชยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ กล่าวว่า เอไอเอมีธุรกิจใหม่ที่เติบโตมากขึ้นในทุกตลาดเมื่อเทียบกับช่วงก่อนมีสถานการณ์ของโรคระบาด ยกเว้นฮ่องกงซึ่งยังคงมีข้อจำกัดด้านการเดินทางที่ส่งผลกระทบต่อยอดขายในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ นอกฮ่องกง ซึ่งมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ของทุกตลาดในไตรมาสแรกของปี 2564 สูงกว่าไตรมาสแรกของปี 2562 โดยเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2563 เรามีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ของทั้งกลุ่มบริษัทสูงถึงร้อยละ 19 รวมไปถึงการเติบโตที่ยอดเยี่ยมในจีนแผ่นดินใหญ่ ไทย และมาเลเซีย และการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักจากกลุ่มลูกค้าในฮ่องกง

“จากมาตรการผ่อนคลายข้อจำกัดด้านการเดินทางเข้า-ออกพื้นที่ในปี 2563 ซึ่งดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงปี 2564 ได้เป็นแรงผลักให้มูลค่าธุรกิจใหม่ของเราทั้งกลุ่มบริษัทได้รับแรงสนับสนุนจากผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมจาก Premier Agency ของเรา และความต้องการที่เพิ่มขึ้นในผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต

“เรากำลังมุ่งไปข้างหน้าอย่างยอดเยี่ยมตามกลยุทธ์ของเรา พร้อมขยายความได้เปรียบในการแข่งขันด้วยการใช้ทุกโอกาสที่มีกับเอไอเอทั่วทั้งเอเชีย ทั้งนี้ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เรามีโอกาสได้เปิดตัวสาขาใหม่ที่มณฑลเสฉวนในจีนแผ่นดินใหญ่

“ขอให้ลูกค้าหลายล้านคนของเรามั่นใจได้ว่า สถานะทางการเงินของกลุ่มบริษัทเอไอเอยังคงความแข็งแกร่งอย่างมากแม้ในสถานการณ์ที่มีความผันผวนซึ่งเกิดขึ้นล่าสุด สถานการณ์ของโรคระบาดทำให้ผู้คนตระหนักถึงสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีเพิ่มขึ้น เราได้เห็นการเติบโตที่แข็งแกร่งของมูลค่าธุรกิจใหม่ในผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและสุขภาพเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2563 จากการที่เราช่วยให้ผู้คนจำนวนมากทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น

สรุปผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1

เอไอเอ ประเทศจีน ยังคงเป็นตลาดที่สร้างมูลค่าธุรกิจใหม่ให้กับกลุ่มบริษัทเอไอเอมากที่สุด และมีการเติบโตที่ยอดเยี่ยมในไตรมาสแรกของปี 2563 กำไรจากมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin) หลังหักภาษี ณ ที่จ่ายร้อยละ 5 ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 มีความสอดคล้องกับปีที่ผ่านมา และเราได้เปิดตัวสาขาใหม่ในมณฑลเสฉวนเป็นที่เรียบร้อย ภายหลังได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการกำกับดูแลการธนาคารและการประกันภัยแห่งประเทศจีนในเดือนมีนาคม

เอไอเอ ฮ่องกง มีอัตราการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่เป็นตัวเลขสองหลักจากกลุ่มลูกค้าในประเทศ ขณะที่ข้อจำกัด ด้านการเดินทางส่งผลกระทบต่อยอดขายในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ในสาขามาเก๊ายอดขายในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่คิดเป็นประมาณหนึ่งในสามของเบี้ยประกันภัยรับปีแรกของในไตรมาสแรก ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากการกลับมาของแผนการเยือนรายบุคคล (Individual Visit Scheme)

ในเดือนมีนาคม เราได้ประกาศพันธมิตรธุรกิจแบงก์แอสชัวรันส์เป็นระยะเวลา 15 ปี กับ The Bank of East Asia, Limited (BEA) ครอบคลุมฮ่องกงและจีนแผ่นดินใหญ่ สำหรับฮ่องกง ความร่วมมือครั้งนี้ช่วยขยายขีดความสามารถในการจัดจำหน่ายของเราด้วยสิทธิพิเศษในการเข้าถึงลูกค้าในประเทศกว่า 1.2 ล้านรายของ BEA นอกจากนี้ เอไอเอยังได้รับสิทธิพิเศษในการเข้าถึงฐานลูกค้าที่เติบโตอย่างรวดเร็วและมั่งคั่งของ BEA ซึ่งถือเป็นธนาคารต่างประเทศสามอันดับแรกในจีนแผ่นดินใหญ่

เอไอเอ ประเทศไทย มีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่อย่างดีเยี่ยม โดยได้รับแรงสนับสนุนจากทั้งช่องทางตัวแทนและพันธมิตรธุรกิจ โดยถือเป็นตลาดที่มีมูลค่าธุรกิจใหม่ใหญ่เป็นอันดับสองของกลุ่มบริษัทในไตรมาสแรกของปี 2564 อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากนี้ เป็นผลมาจากการปรับเปลี่ยนธุรกิจไปสู่การมุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันที่คุ้มครองทั้งชีวิตและสุขภาพ รวมถึงประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิต ลิงค์) ซึ่งความสำเร็จครั้งนี้มาจากการบริหารงานโดย นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย ที่มีเป้าหมายและกลยุทธ์ที่ชัดเจนจนสามารถสร้างความสำเร็จด้วยผลประกอบการที่เติบโตขึ้นอย่างยอดเยี่ยมในไตรมาสแรก สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันของทุกภาคส่วนในเอไอเอ ประเทศไทย และตอกย้ำการเป็นบริษัทประกันชีวิตอันดับ 1 ของประเทศไทย

ในสิงคโปร์ เรามีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ในเชิงบวก โดยมีการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักจากการขายผ่านตัวแทนประกันชีวิต ในขณะที่ยอดขายจากช่องทางของพันธมิตรลดลง เนื่องจากยอดขายธุรกิจใหม่ในต่างประเทศยังคงถูกจำกัดจากมาตรการควบคุมชายแดนอย่างต่อเนื่อง

เอไอเอ มาเลเซีย ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งในครึ่งหลังของปี 2563 และมีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่สูงสุดในกลุ่มบริษัท โดยได้รับการสนับสนุนจากทั้งหน่วยงานของเรา และความร่วมมือด้านการประกันกับ Public Bank Berhad

มูลค่าธุรกิจใหม่ในตลาดอื่นๆ ลดลง สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบจากมาตรการควบคุมการเดินทางเข้า-ออกพื้นที่ อย่างต่อเนื่องในฟิลิปปินส์และผลประกอบการมูลค่าธุรกิจใหม่ในออสเตรเลียในไตรมาสแรกของปี 2563 ตามที่เปิดเผยก่อนหน้านี้ โดยหากไม่รวมตลาดทั้งสองแห่งนี้ มูลค่าธุรกิจใหม่จากตลาดอื่นๆ ถือว่าเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2563

ในภาพรวม อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin) เพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ร้อยละ 61.6 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 56.6 ในไตรมาสแรกของปี 2563 โดยมีปัจจัยหลักมาจากการเปลี่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่สูงขึ้นชดเชยกับการหักภาษี ณ ที่จ่ายของเอไอเอ ประเทศจีน อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ที่แถลงนี้เป็นยอดสุทธิของค่าใช้จ่ายส่วนเกิน และสมมติฐานในผลตอบแทนการลงทุนระยะยาวที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงจากที่แสดงในรายงานประจำปี 2563 กำไรที่รายงานบนมูลค่าปัจจุบันของเบี้ยประกันภัยในธุรกิจใหม่ (PVNBP) ยังคงที่เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2563 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 10 ทั้งนี้เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เป็น 1,703 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2563 และเบี้ยประกันภัยรับรวม (TWPI) เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 เป็น 9,663 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตของพอร์ตการลงทุนที่กำลังเติบโตและคงความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง

ภาพรวม

การคาดการณ์ระยะยาวของธุรกิจเอไอเอทำให้เรามีข้อได้เปรียบอย่างเป็นรูปธรรม และเป็นแรงกระตุ้นการเติบโตทางโครงสร้างที่แข็งแกร่งของธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพในภูมิภาคเอเชีย นอกจากนี้ การมีรายได้เพิ่ม การเข้าถึงของบริษัทประกันของเอกชนที่ยังอยู่ในอัตราที่ต่ำ และสวัสดิการภาครัฐในด้านความคุ้มครองที่จำกัด ทำให้ผลิตภัณฑ์ประกันของเอไอเอเป็นที่ต้องการไปทั่วทุกตลาดที่เราดำเนินการอยู่

การเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลกขยับตัวขึ้นในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 เป็นผลมาจากการสนับสนุนทางการเงินที่ช่วยแบ่งเบาภาระที่เกิดจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคระบาด ในขณะที่ภาพรวมยังคงขึ้นอยู่กับรัฐบาลและนโยบายของธนาคารกลาง ประสิทธิภาพของมาตรการกักตัว และความรวดเร็วในการฉีดวัคซีนป้องกัน ทั้งนี้ เรายังคงมองในแง่ดีว่าเศรษฐกิจจะกลับมาโดยเริ่มจากภาคการผลิต ไปถึงภาคการบริโภคและการบริการ เรามีความมั่นใจในกลยุทธ์หลักของเรา ที่จะนำมาสู่การเติบโตที่แข็งแกร่งและสร้างมูลค่าที่ยั่งยืนในระยะยาวให้แก่ผู้ถือหุ้นของเราต่อไป

ความผันผวนด้านอัตราแลกเปลี่ยน

เอไอเอได้รับเบี้ยประกันภัยส่วนใหญ่เป็นเงินสกุลท้องถิ่น ซึ่งทำให้สินทรัพย์และหนี้สินของเรามีมูลค่าใกล้เคียงกัน ช่วยลดผลกระทบทางเศรษฐกิจจากความเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ ในรายงานงบการเงินของกลุ่มที่มีการแปลเป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ทำให้เกิดผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน  ดังนั้น เราจึงมีการเปรียบเทียบอัตราการเติบโตจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ เว้นแต่ระบุเป็นอย่างอื่น เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนของผลการดำเนินธุรกิจ

หมายเหตุ

  1. ผลประกอบการในไตรมาสแรกของเอไอเอปี 2564 และปี 2563  สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564 และวันที่ 31 มีนาคม 2563 ตามลำดับ
  2. ตัวเลขทั้งหมดแสดงในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนตามจริงในรอบปี (AER) เว้นแต่ระบุไว้เป็นอย่างอื่น การเปลี่ยนแปลงที่แสดงโดยเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนคำนวณโดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนคงที่ (CER) เว้นแต่ระบุไว้เป็นอย่างอื่น การเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนคงที่คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่เฉลี่ยสำหรับปี 2564 และ 2563
  3. สมมติฐานเชิงเศรษฐกิจระยะยาวที่ใช้ในการคำนวณหามูลค่าธุรกิจสำหรับไตรมาสแรกปี 2564 เหมือนกันกับที่แสดงไว้เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ซึ่งปรากฏอยู่ในข้อมูลมูลค่าธุรกิจที่แทรกไปกับรายงานประจำปี 2563 สมมติฐานอื่นที่ไม่ใช่ในเชิงเศรษฐกิจคำนวณตามข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 ที่มีการปรับปรุงเพื่อให้สอดคล้องกับข้อมูลล่าสุด
  4. มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) คิดจากสมมติฐานที่เกี่ยวข้อง ณ เวลาขาย โดยเริ่มในปี 2564 หลักประกันความเสี่ยงที่รวมอยู่ในการคำนวณมูลค่าธุรกิจใหม่เป็นตัวกำหนดระดับของผลิตภัณฑ์ในการสะท้อนความเสี่ยงที่เกี่ยวเนื่องกับความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่เสนอขายในช่วงของการรายงานผลประกอบการประจำปี 2563

มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ของกลุ่มบริษัท ไม่รวมในส่วนของส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุม

เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) และมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) สำหรับตลาดอื่น รวมร้อยละ 49 ซึ่งเป็นผลมาจากการร่วมหุ้นในประเทศอินเดีย บริษัท ทาทา เอไอเอ ประกันชีวิต จำกัด (ทาทา เอไอเอ ประกันชีวิต)

  • มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) รวมธุรกิจการจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) และอัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin) ไม่รวมธุรกิจการจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและก่อนการหักส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุม
  • เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) คำนวณจากร้อยละ 100 ของเบี้ยประกันภัยรายปีในปีแรก และร้อยละ 10 ของเบี้ยประกันภัยแบบชำระเบี้ยประกันภัยครั้งเดียวก่อนการเอาประกันภัยต่อ และไม่รวมถึงการประกอบธุรกิจการจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
  • เบี้ยประกันภัยรับรวม (TWPI) ประกอบด้วยร้อยละ 100 ของเบี้ยประกันภัยปีต่ออายุ ร้อยละ 100 ของเบี้ยประกันภัยปีแรก และร้อยละ 10 ของเบี้ยประกันภัยแบบชำระเบี้ยประกันภัยครั้งเดียว ก่อนการเอาประกันภัยต่อ
  • ในบริบทของส่วนแบ่งทางการตลาดที่ได้รายงาน ฮ่องกงหมายถึงการปฏิบัติงานในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง และเขตบริหารพิเศษมาเก๊า สิงคโปร์หมายถึงการปฏิบัติงานในประเทศสิงคโปร์และบรูไน และตลาดอื่นๆ หมายถึงการปฏิบัติงานในประเทศออสเตรเลีย (รวมนิวซีแลนด์) กัมพูชา อินเดีย อินโดนีเซีย เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ ศรีลังกา ไต้หวัน (จีน) และเวียดนาม
  • ผลประกอบการของทาทา เอไอเอ ประกันชีวิต นับรวมในช่วงระยะเวลาสามเดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 ในผลประกอบการรวมของเอไอเอสำหรับไตรมาสสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564 เพื่อความเข้าใจ เบี้ยประกันภัยรับรวม (TWPI) ไม่ได้นับรวบในผลประกอบการจากทาทา เอไอเอ ประกันชีวิต
Skip to content