วางแผนจำน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่มาร์จิ้นสูง ดันรายได้เพิ่มขึ้นปีละ 200 ล้านบาท จ่อเซ็นสัญญาพันธมิตรทางธุรกิจประเทศญี่ปุ่น เดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
‘บมจ. บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค หรือ BLC’ ประกาศผลการดำเนินงานปี 2566 ทำรายได้จากการขายและให้บริการรวม 1,406.20 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 150.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.50% และ 16.30% จากปีก่อนตามลำดับ วางเป้าหมายรายได้เติบโตปีละ 200 ล้านบาท ผ่านการเพิ่มผลิตภัณฑ์ยาสามัญ ยาสามัญใหม่ กลุ่มผลิตภัณฑ์นวัตกรรมสมุนไพรไทย พร้อมขยายช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งวางกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดเชิงรุก ในการสร้าง Brand Awareness แย้มผลงานปี 2567 โดดเด่น ปัจจัยหนุนจากการเซ็นสัญญาความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจประเทศญี่ปุ่น เพื่อสร้างการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน
ภก.สุวิทย์ งามภูพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค จำกัด (มหาชน) หรือ BLC ผู้ผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบัน ประเภทยาสามัญ และยาสามัญใหม่ ผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพร ผลิตภัณฑ์ยาสำหรับสัตว์ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพครบวงจร ครอบคลุมกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์อื่นๆ เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2566 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 395.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.20% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 50.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.01% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า จากการทำ Brand Awareness ผ่านการออกบูธให้ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ การรับรู้รายได้จากการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์รักษาอาการผมร่วงในช่วงปลายปี 2566 รวมถึงการขยายช่องทางการจำหน่ายไปสู่ Modern trade และ e-Commerce และรายได้จากการส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะฮ่องกง และกลุ่มประเทศ CLMV ส่งให้ผลการดำเนินงานปี 2566 มีรายได้จากการขายและการให้บริการรวม 1,406.20 ล้านบาท เติบโต 13.50% จากปีก่อนหน้าที่มีรายได้จากการขายและให้บริการรวม 1,238.5 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิทำได้ 150.80 ล้านบาท เติบโต 16.30% จากปีก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิ 129.70 ล้านบาท
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 จึงเสนอมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาจัดสรรกำไรโดยให้จ่ายปันผลประจำปี 2566 ในอัตรา 0.10 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 60.00 ล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการบริษัทได้มีมติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้ว ในอัตราหุ้นละ 0.03 บาท จ่ายเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2566 และจะจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายอีกในอัตราหุ้นละ 0.07 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record date) วันที่ 11 เมษายน 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 30 เมษายน 2567
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BLC กล่าวว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมยาปี 2567 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 6-7% ต่อปี โดยมีปัจจัยการขับเคลื่อนหลักคือ การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย การที่ประชากรมีค่าเฉลี่ยอายุที่ยาวขึ้น รวมทั้งการเจ็บป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ส่งผลให้ความต้องการใช้ยารักษาโรคยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่บริษัทฯ วางเป้าหมายรายได้ปี 2567 เติบโต 200 ล้านบาทจากปีก่อนหน้า โดยมีปัจจัยจาก 1) การวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ บริษัทฯ วางเป้าหมายการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบัน ประเภทยาสามัญ ยาสามัญใหม่ และผลิตภัณฑ์นวัตกรรมสมุนไพรไทย อย่างน้อย 5 รายการ โดยไตรมาสแรกได้วางแผนจำหน่ายผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อสุขภาพสำหรับผู้หญิงในรูปแบบ Shot Drink แบรนด์ Kachalis 2) ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยภายในประเทศบริษัทฯ มุ่งขยายสู่ช่องทาง e-Commerce เช่น Shopee Lazada และ TikTok shop ด้านตลาดต่างประเทศมุ่งเน้นการส่งออกไปยังประเทศใน CLMV และแถบตะวันออกกลาง 3) การสร้าง Brand Awareness เพื่อสร้างการรับรู้ของผลิตภัณฑ์ไปสู่กลุ่มลูกค้า B2B และ B2C โดยมุ่งเน้นการทำการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อผลักดันให้ผลิตภัณฑ์ของ BLC เป็น Top of mind ที่กลุ่มลูกค้าจะนึกถึงเป็นลำดับแรก 4) ความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ บริษัทฯ มีแผนร่วมมือทางธุรกิจกับบริษัทจากประเทศญี่ปุ่น โดยอาศัยความเชี่ยวชาญของบริษัทฯ ในอุตสาหกรรมยา ผสานกับความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมของพันธมิตรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
More Stories
FM โชว์ศักยภาพธุรกิจในงาน Opp-Day 28 พ.ย.นี้
DMT โชว์แผนธุรกิจในงาน Analyst Meeting มั่นใจไตรมาส 4 การจราจรคึกคัก รับไฮซีซั่น
กองทรัสต์ WHAIR เคาะราคา 6.40 บาทต่อหน่วย พร้อมชูยีลด์ สูงถึง 8.59%