HBA เชื่อดันเศรษฐกิจ-ตลาดบ้านคึกคัก เพิ่มโอกาสให้มีบ้านง่ายขึ้น
สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (HBA) เชื่อมั่นมาตรการสร้างบ้านลดหย่อนภาษี ‘ล้านละหมื่น’ ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ที่ต้องการปลูกสร้างบ้าน มูลค่า 1 ล้าน หักลดหย่อน 10,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 1 แสนบาท เริ่มมีผล 9 เม.ย.67 ถึง 31 ธ.ค. 68 ปลุกกำลังซื้อฟื้นตัว เพิ่มโอกาสผู้บริโภคเป็นเจ้าของบ้านง่ายขึ้น ดันภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านไตรมาส 2 ขยายตัว หนุนจีพีดีประเทศไทยโต
นายโอฬาร จันทร์ภู่ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (HBA : Home Builder Association) เปิดเผยว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ 5 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ เป้าหมายเพื่อสนับสนุนการมีที่อยู่อาศัยของประชาชน และรองรับ Thailand Vision ในการยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก คาดมาตรการเหล่านี้ จะกระตุ้น GDP ปีนี้อีกราว 1.7-1.8% ส่งเสริมให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัย โดยรายละเอียดมาตรการมีดังนี้
มาตรการ “สร้างบ้านลดหย่อนภาษี ล้านละหมื่น” เป็นการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ที่ต้องการปลูกสร้างบ้านตามที่ระบุไว้ในสัญญาจ้างเหมาก่อสร้าง เอกสารอากรแสตมป์ (อ.ส.5) ที่มีมูลค่าการก่อสร้างบ้าน 1 ล้านบาท สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ 10,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 1 แสนบาท นับตั้งแต่วันที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.2568 ที่ผ่านมติความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (9 เม.ย.67) ได้สร้างแรงกระเพื่อมที่สำคัญต่อภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านในไตรมาสที่ 2 อย่างมีนัยสำคัญ และนับเป็นครั้งแรกของธุรกิจรับสร้างบ้านได้รับมาตรการลดหย่อนภาษีปลูกสร้างบ้านบนที่ดินตนเอง
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาฯ และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ยังประกอบไปด้วย การปรับลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม สำหรับที่อยู่อาศัย ปี 2567 โดยลดค่าจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์จาก 2% เหลือ 0.01% นอกจากนี้ยังลดค่าจดทะเบียนจำนองอสังหาริมทรัพย์จาก 1% เหลือ 0.01% สำหรับที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 7 ล้านบาท ซึ่งมีผลสำหรับผู้ซื้อที่เป็นบุคคลธรรมดาสัญชาติไทย โดยเริ่มใช้เกณฑ์นี้ตั้งแต่วันที่กฎหมายประกาศในราชกิจจานุเบกษาถึง 31 ธ.ค.67
โครงการสินเชื่อบ้าน Happy Home วงเงินโครงการ 20,000 ล้านบาทโดยธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ที่สนับสนุนสินเชื่อให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง ในอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3% ต่อปี เป็นระยะเวลา 5 ปี วงเงินต่อรายสูงสุด ไม่เกิน 3 ล้านบาท โดยมีระยะเวลากู้สูงสุดไม่เกิน 40 ปี ซึ่งผู้ซื้อบ้านสามารถยื่นคำขอกู้กับ ธอส. ได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 ธ.ค.68 ยังมีโครงการสินเชื่อบ้าน Happy Life วงเงินโครงการ 10,000 ล้านบาท โดยสนับสนุนสินเชื่อให้ประชาชน อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 2.98% ต่อปี วงเงินตั้งแต่ 2.5 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งยื่นคำขอกู้กับ ธอส. ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
รวมทั้งมาตรการส่งเสริมกิจการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย (โครงการบ้าน BOI) โดยยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3 ปี ในวงเงิน ไม่เกิน 100% ของเงินลงทุน สำหรับการพัฒนาอาคารชุดที่มีพื้นที่ใช้สอยไม่น้อยกว่า 24 ตารางเมตร และบ้านเดี่ยวหรือบ้านแถว พื้นที่ใช้สอยไม่น้อยกว่า 70 ตารางเมตร ราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท ทั้งนี้ต้องมีที่อยู่อาศัยตามเงื่อนไขที่กำหนดไม่น้อยกว่า 80% โดยยื่นขอรับการส่งเสริมภายในวันทำการสุดท้ายของปี 2568
“ตลาดบ้านสร้างเอง มีมูลค่ารวมประมาณ 2 แสนล้านบาท ซึ่งในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ กำลังซื้อจำนวนไม่น้อยชะลอการตัดสินใจออกไปอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจ การที่รัฐบาลผลักดันมาตรการสร้างบ้านลดหย่อนภาษี “ล้านละหมื่น” ลดสูงสุดไม่เกิน 1 แสนบาท จะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี รวมถึงเป็นตัวเร่งสำคัญที่ส่งผลให้ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านไตรมาส 2 ของปีนี้กลับมาคึกคักอีกครั้ง และมียอดขายเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้านี้ มาตรการดังกล่าวยังส่งผลดีไปยังธุรกิจที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น วัสดุก่อสร้าง การจ้างงาน ก็จะได้รับอานิสงค์จากมาตรการดังกล่าวในครั้งนี้ด้วย
พร้อมกันนี้ เป็นการจูงใจให้ผู้รับสร้างบ้านที่ยังไม่ได้จดทะเบียนนิติบุคคล ทำการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล และเข้าสู่ระบบภาษี ส่งผลให้รัฐได้ vat 7% และภาษีจากเงินได้นิติบุคคล ซึ่งส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจภาพรวม อย่างไรก็ดี การบังคับใช้มาตรการจะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น หากในอนาคตมีการขยายกรอบเวลาออกไปให้นานขึ้น เหมือนการลดหย่อนภาษีได้เงินบุคคลธรรมดาจากการซื้อประกันชีวิต ก็จะส่งผลดีต่อผู้ที่ต้องการสร้างบ้านเอง รวมถึงส่งเสริมธุรกิจรับสร้างบ้านและเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว
ทั้ง 5 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาค อสังหาฯ มีส่วนผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางบวก ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขาย อสังหาฯ ที่เพิ่มขึ้น ยอดการสั่งสร้างบ้านบนที่ดินของตัวเองเติบโต ไปจนถึงเม็ดเงินที่ไหลไปยังธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ซึ่งที่สุดแล้วจะเกิดผลดีต่อธุรกิจ ผู้บริโภค และการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ” นายโอฬาร กล่าว
More Stories
ศุภาลัย คว้าอันดับในกลุ่ม “ดีเลิศ” ต่อเนื่องปีที่ 12 จากผลสำรวจการกำกับดูแลกิจการที่ดีบริษัทจดทะเบียนปี 67
‘แกรนด์ ยูนิตี้’ เตรียมจัดกิจกรรมสุดพิเศษ “Holiday Cookies Workshop”
ส่องเทรนด์สีปี 2025 TOA Color Trends ค้นหาสีที่ใช่! ให้บ้านคุณ