ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ฉลองครบรอบ 38 ปี ตั้งใจร่วมส่งต่อการให้อย่างยั่งยืน

    นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทฯ มุ่งมั่นช่วยเหลือสังคมเพื่อส่งต่อการให้อย่างยั่งยืน ด้วยการรณรงค์  ให้ผู้บริหาร พนักงาน และผู้ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงร่วมบริจาคโลหิต เพื่อส่งต่อการให้ที่ยิ่งใหญ่ต่อ  ลมหายใจเพื่อนมนุษย์

“ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ปลุกพลังแห่งการเป็นผู้ให้ เพื่อให้พนักงานในองค์กรได้มีส่วนร่วมในการแบ่งปัน แบบ  องค์รวม โดยเริ่มจากการใส่ใจสุขภาพ  เพราะผู้ที่สามารถบริจาคโลหิตได้นั้นจะต้องเป็น “ผู้ที่มีสุขภาพที่ดี”   หากพนักงานของเรามีสุขภาพที่ดีก็จะสามารถ “เป็นผู้ให้ที่ดีได้” เราจึงมีการประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ผู้บริหาร และพนักงานเตรียมความพร้อมร่างกาย จิตใจ ให้สามารถเข้าร่วมบริจาคโลหิตได้ นอกจากพนักงานแล้ว เรายังเปิดโอกาสให้กับผู้ที่สนใจทั่วไปเข้ามามีส่วนร่วม โดยได้รับความร่วมมือจากบริษัทฯ ใกล้เคียง และได้ใช้สถานที่   ของ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ เป็นหน่วยเปิดรับบริจาค เพื่อให้กิจกรรมสามารถส่งต่อโลหิตได้อย่างยั่งยืน” นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กล่าว 

โดยกิจกรรมฉลองครบรอบ 38 ปี ของ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ในครั้งนี้ นอกจากจะรณรงค์ให้ร่วมบริจาคโลหิตแล้ว  ยังได้เพิ่มการบริจาคเงินสมทบให้แก่หน่วยรับบริจาคโลหิต สภากาชาดไทย เพื่อใช้จัดซื้ออุปกรณ์ในการจัดเก็บโลหิต โดยนายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมสมทบทุน 100,000 บาท และยังได้เชิญชวนผู้บริหารและพนักงานนำของรักมาประมูล เพื่อร่วมสมทบทุนในครั้งนี้ด้วย ซึ่งการประมูลในครั้งนี้ เป็นกิจกรรมภายใน เพื่อให้พนักงานได้มีโอกาสทั้งเป็นผู้ให้และผู้รับ เพื่อการให้ครั้งนี้มีความยั่งยืน

“กิจกรรมในครั้งนี้ เราต้องการให้พนักงานมีส่วนร่วมอย่างครบถ้วน โดยได้รับความร่วมมือที่ดี จากผู้บริหารพนักงาน และผู้ที่สนใจทั่วไป การบริจาคโลหิต การสมทบทุนผ่านการบริจาคเงิน และการร่วมประมูลของรักจากผู้บริหารและพนักงาน ถือเป็นการให้ที่ไม่ได้เกิดขึ้นใครคนใดคนหนึ่ง หากแต่เกิดจากความร่วมมือของทุกส่วน  และหวังว่าการให้ที่เกิดขึ้นจากโครงการครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ได้รับทุกคน ซึ่งเราพร้อมจะส่งเสริม สร้างสรรค์สังคมไทยให้พัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ ให้สมกับความตั้งใจดีที่เรามีให้มาตลอด 38 ปีแห่งการดำเนินธุรกิจ”   นายชูรัชฏ์  กล่าวสรุป