31 ตุลาคม 2024

THE MASTER

ย่อโลกข่าวไว้ในมือคุณ

SENA ลุยธุรกิจโซลาร์ฯปี’64 ตั้งเป้าโต 10 %ขยายฐานลูกค้าเพิ่มรับเทรนด์พลังงานสะอาด

พลังงาน

SENA บุกตลาดโซลาร์ ปี 64 ดัน เอท โซลาร์ บริษัทลูกขยายฐานทางการตลาดจากโครงการบ้านเสนา  ครอบคลุมลูกค้าทั้งกลุ่มอุตสาหกรรม ห้างสรรพสินค้า กลุ่มธุรกิจค้าปลีก ร้านค้าในสถานีบริการน้ำมัน       พร้อมให้บริการติดตั้งแผงโซลาร์ฯ จากประเทศผู้ผลิตแผงชั้นนำ ได้แก่ First Solar จาก USD, Toshiba และ Sharp ญี่ปุ่น และ Jinko จากประเทศจีน ซึ่งเป็นแผงโซลาร์ที่มีประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าสูง วางเป้าขยายพอร์ตรายได้โตต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 10 %  รับเทรนด์พลังงานสะอาด

ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของบริษัท เอท โซลาร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของเสนาว่า ในปี 2564 บริษัทจะมุ่งเน้นขยายธุรกิจการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) โดยมีเป้าหมายการเติบโตรายได้เฉลี่ยปีละ 10% ซึ่งปีนี้วางกำลังผลิตติดตั้งรวมไม่ต่ำกว่า 5 เมกะวัตต์ โดยเน้นการติดตั้งที่มีคุณภาพและคัดเลือกโครงการที่ให้ผลตอบแทนที่อยู่ในเกณฑ์ดี ครอบคลุมทั้งโครงการบ้านของเสนา จำนวน 150 หลังคาเรือนและภาคธุรกิจอื่นๆ อาทิ ห้างสรรพสินค้า ธุรกิจค้าปลีก ร้านค้าในสถานีบริการน้ำมัน และโรงงานอุตสาหกรรม ฯลฯ  และพร้อมสำหรับธุรกิจการให้คำปรึกษาและบำรุงรักษา ทำความสะอาด    ระบบโซลาร์ในโครงการต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าให้สูงสุดในราคาค่าบริการที่คุ้มค่าที่สุด                   ต่อผู้ใช้บริการ

“ตลาดพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์เซลล์) มีการเติบโตต่อเนื่อง จากการที่ผู้อยู่อาศัย และผู้ประกอบการธุรกิจมีเป้าหมายลดต้นทุนค่าพลังงานเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย   ขณะเดียวกันรัฐบาลได้เปิดโครงการโซลาร์                   ภาคประชาชนที่ปรับเกณฑ์การรับซื้อไฟฟ้าส่วนเหลือใช้จากบ้านที่อยู่อาศัยเดิม 1.68 บาทต่อหน่วยเป็น                    2.20 บาท ต่อหน่วย เพื่อจูงใจและส่งเสริมให้ประชาชนหันมาติดตั้งโซลาร์ฯใช้เองมากขึ้น และ ให้บริการบำรุงรักษาระบบโซลาร์ในราคาย่อมเยาว์ เอทโซลาร์ฯจึงเห็นโอกาสนี้ที่จะเข้ามาให้บริการเพื่อร่วมขับเคลื่อนพลังงานสะอาด”

ด้านนายสุธรรม โอฬารกิจอนันต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอท โซลาร์ จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัท เอท โซลาร์ ยังได้มีการวางแผนที่จะร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ พัฒนาการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้า เผื่อควบคุมต้นทุนของการติดตั้งทั้งระบบ พร้อมกันนี้ยังได้เป็นพันธมิตร ในการนำอุปกรณ์การแปลงไฟฟ้ากระแสตรงเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ หรือที่เรียกว่าอินเวอร์เตอร์ (Inverters) ของบริษัท FIMER ซึ่งได้เข้าซื้อกิจการอินเวอร์เตอร์จากผู้ผลิตชั้นนำอย่าง ABB ประเทศอิตาลี มาให้บริการผู้บริโภค 

ขณะเดียวกันบริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาความคุ้มค่าการใช้ไฟฟ้าที่ได้จากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยเฉพาะในกลุ่มลูกบ้านที่ทำงานนอกบ้านในช่วงเวลากลางวัน เพื่อให้เกิดประโยชน์การใช้ไฟฟ้าที่ผลิตได้อย่างสูงสุด ด้วยการจัดหาอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่อำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน และ ช่วยรักษาความปลอดภัย มาติดตั้งเพื่อบริการให้ลูกบ้าน โดยจะมีการนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์หาโซลูชั่นใหม่ๆ เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจในอนาคตต่อไป

“ธุรกิจโซลาร์ฯของเสนาได้รับการตอบรับด้วยดี เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลง ประกอบกับขณะนี้มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ทำให้มีการทำงานอยู่บ้านหรือ  Work From Home เพิ่มขึ้นส่งผลให้การใช้ไฟในบ้านสูงและแนวโน้มดังกล่าวจะเป็น New Normal โซลาร์จึงเป็นคำตอบของยุคปัจจุบันและอนาคตและเพื่อตอบสนองของตลาดคนรุ่นใหม่ บริษัท อยู่ระหว่างศึกษาแนวทางการออกแบบแผงโซลาร์ให้มีความทันสมัยและให้เป็นองค์ประกอบของที่อยู่อาศัยให้มีความกลมกลืนและมีความสวยงาม แต่ยังคงรักษาประสิทธิภาพของการผลิตไฟฟ้า” นายสุธรรมกล่าว

ที่ผ่านมาบริษัทได้ดำเนินการติดตั้งโครงการบ้านเสนาฯ และ ที่อยู่อาศัยต่างๆ ไปแล้วกว่า  400หลังคาเรือน  รวมกำลังผลิตสำหรับที่อยู่อาศัย มากกว่า 1,000 กิโลวัตต์ รวมทั้ง ติดตั้งในสำนักงาน คลังสินค้า โรงงานขนาดใหญ่ กว่า 50 แห่ง รวมกำลังผลิตกว่า 16,000 กิโลวัตต์ และยังมีโซลาร์ฟาร์มที่เสนาลงทุนอยู่ขนาด 46,500,000 กิโลวัตต์  รวมถึงบริษัทยังมีแผนที่จะพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรที่จะเข้าร่วมโครงการโซลาร์ภาคประชาชนอีกประมาณ 237 หลังคาเรือน

Skip to content