26 พฤศจิกายน 2024

THE MASTER

ย่อโลกข่าวไว้ในมือคุณ

จีเอเบิล แนะองค์กรผนึกพลังแห่งนวัตกรรมเทคโนโลยี Cloud + AI

วางรากฐานเทคโนโลยี Cloud ให้แข็งแรง พร้อมติดสปีด AI เพิ่มโอกาสทางธุรกิจในยุคดิจิทัลแบบไร้รอยต่อ

 

บริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้าน “Tech Enabler” ที่ช่วยยกระดับธุรกิจสู่ยุคดิจิทัลในทุกมิติ มุ่งมั่นในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ภาคธุรกิจองค์กรไทย ด้วยการนำเสนอแนวคิดและนวัตกรรม ด้านดิจิทัลโซลูชัน เพื่อผลักดันธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน แนะนำธุรกิจองค์กรทุกภาคอุตสาหกรรมเตรียม ความพร้อมในการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ด้วยเทคโนโลยี Cloud เพื่อเสริมระบบโครงสร้างพื้นฐานไอทีให้พร้อมทุกการเชื่อมต่อเทคโนโลยี AI เพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพการทำงาน สร้างความแข็งแกร่ง ของธุรกิจในหลายมิติ ทั้งความรวดเร็ว ความยืดหยุ่น และความปลอดภัย พร้อมนำธุรกิจองค์กรเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันของภาคธุรกิจ

    คุณธีระพงษ์ จันทร Senior Cloud Business Development Manager บริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) เผยว่า “ในปัจจุบัน AI ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจสู่อนาคต และมีการคาดการณ์ว่า จะมีการใช้จ่ายด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทั่วโลก รวมถึงแอปพลิเคชันที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ โครงสร้างพื้นฐาน บริการด้านไอทีและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง จะเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าภายในปี 2028 ซึ่งคาดว่าจะสูงถึง 632,000 ล้านดอลลาร์ ตามการคาดการณ์ใหม่จาก Worldwide AI and Generative AI Spending Guide ของ International Data Corporation (IDC) ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่าธุรกิจองค์กรชั้นนำทั่วโลกต่างมุ่งนำ AI มาประยุกต์ใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน พัฒนาสินค้าและบริการ ตลอดจนสร้างกลยุทธ์ทางธุรกิจที่เหนือชั้น แต่การที่จะนำ AI มาใช้ในระดับองค์กรนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นโดยง่ายซึ่ง จีเอเบิล มองว่า Cloud Technology คือ หนึ่งในเทคโนโลยีสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจปรับตัวได้ดี และสามารถต่อยอดในการประยุกต์ใช้ AI ขององค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นตัวช่วยสำคัญในการเร่งติดสปีดให้แก่ธุรกิจองค์กรในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะเทคโนโลยี Cloud ที่มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการต่อยอดและเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่าง AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะการที่ธุรกิจองค์กรใดมีการวางรากฐานทางเทคโนโลยีพื้นฐานในรูปแบบของ Cloud Technology เป็นระบบพื้นฐาน จะช่วยให้สามารถจัดการ บริหาร และจัดเก็บข้อมูลสำคัญที่พร้อมใช้งานได้ดีกว่า สามารถค้นหา วิเคราะห์ และประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ได้รวดเร็วกว่า ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจองค์กรสามารถปรับตัวและตอบสนองต่อความต้องการ ของลูกค้าได้อย่างทันท่วงที อีกทั้งยังช่วยให้ธุรกิจองค์กรมีความคล่องตัวในการจัดการทรัพยากร และสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้ในระยะยาว

แน่นอนว่าหากธุรกิจองค์กรใดมีความพร้อมในด้าน Cloud Technology ในการดำเนินงานด้านโครงสร้างพื้นฐาน ที่พร้อมในเรื่องของ Data ทั้งพื้นที่การจัดเก็บข้อมูล หรือการวิเคราะห์ข้อมูล รวมถึง Cloud Platform Services ที่จะทำให้ทุกระบบในองค์กรทั้ง Front Office และ Back Office มีความพร้อมในการทำงานร่วมกับ AI ในอนาคตได้อย่างไร้รอยต่อ รวมถึงการใช้บริการ Managed Services โดยทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ และ AI Service ที่พร้อมใช้งานเพื่อให้สะดวกในการต่อยอดการนำ AI Technology มาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็ยิ่งเป็นแต้มต่อในการได้เปรียบเหนือคู่แข่งในการดำเนินธุรกิจองค์กรนับจากนี้

หากธุรกิจองค์กรใดมีการผนึกกำลังของทั้ง 2 เทคโนโลยีทั้ง Cloud Technology และ AI Technology ที่เสริมพลังซึ่งกันและกันเข้าด้วยกัน ก็จะสามารถสร้างโอกาสใหม่ๆ ในการสร้างนวัตกรรมและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างรวดเร็ว เพราะ Cloud Technology จะช่วยให้ AI เข้าถึงทรัพยากรการประมวลผลและข้อมูลจำนวนมหาศาลได้อย่างแม่นยำ ในขณะที่ AI จะช่วยเพิ่มความอัจฉริยะและการทำงานอัตโนมัติให้กับระบบ Cloud Technology ได้ในหลายๆ ด้าน อาทิเช่น

  • การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ การใช้ AI บน Cloud เพื่อช่วยวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าจำนวนมาก ทำให้ธุรกิจสามารถเข้าใจและเข้าถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น ต่อยอดสู่การปรับแผนการขายและการตลาดได้ดียิ่งขึ้น
  • ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ การใช้ AI บน Cloud จะสามารถช่วยตรวจจับและป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์แบบเรียลไทม์
  • การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การใช้ AI และ Cloud ในการจำลองและทดสอบผลิตภัณฑ์ใหม่ นอกจากจะช่วยลดเวลาการทำงาน ยังช่วยลดต้นทุนในการพัฒนาได้อีกด้วย

ซึ่งการผนึกกำลังกันของทั้ง 2 เทคโนโลยีนี้ จะช่วยตอบโจทย์ลูกค้าได้ดีและรวดเร็วกว่าที่เคย ด้วยการทำงาน ในรูปแบบที่เป็นอัตโนมัติมากขึ้น โดยไม่จำเป็นจะต้องเสียเวลาเตรียมเรื่องของ Hardware และ Software ทั้งการจัดเก็บข้อมูล การสืบค้นข้อมูล รวมถึงประมวลผลข้อมูลที่มีจำนวนมาก ก็ยิ่งจะช่วยให้องค์กรหรือธุรกิจมีไอเดียใหม่ๆในการพัฒนาบริการให้กับลูกค้า เช่น บริการ Chatbot ตอบคำถามหรือ ผู้ช่วยเสียงอัจฉริยะ ที่สามารถให้บริการลูกค้าแบบทันท่วงทีมากขึ้นกว่าแต่ก่อน การช่วยพัฒนาระบบเอกสาร และการช่วยพัฒนา แอปพลิเคชัน (Application Development) ฯลฯ นอกจากนี้ ในส่วนของระบบ Platform Services หรือ Managed Services ของ Cloud จะมีการพัฒนาระบบอยู่ตลอดเวลา ทำให้เกิดเครื่องมือใหม่ๆ ที่ช่วยในการพัฒนา AI
ให้มีความพร้อมทั้งด้านการบริการ (Services) แพลตฟอร์ม (Platform) และการฝึกอบรมโมเดล AI เป็นต้น

แต่สิ่งสำคัญที่ธุรกิจองค์กรจะต้องให้ความสำคัญในการประยุกต์การใช้  AI ด้วย Cloud Technology ไม่แพ้กันคือ ความพร้อมในเรื่องระบบความปลอดภัยตั้งแต่การติดตั้งระบบ Cloud ให้มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงข้อมูลตามมาตรการของแต่ละองค์กร การจัดสรรลำดับความสำคัญของข้อมูลต่างๆ และที่สำคัญคือต้องไม่นำ AI ไปวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคลควรมีการควบคุมการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (Data Privacy) และต้องมีแผนสำรองกรณีเกิดเหตุการณ์ Technical Issue เช่น ระบบเชื่อมต่อ Link หรือ Internet มีปัญหา ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้

Cloud Technology จึงถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในการรองรับเทคโนโลยีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี AI, IoT, VR/AR, 5G ฯลฯ ซึ่งล้วนเป็นนวัตกรรมโครงข่ายแห่งอนาคต และเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจสู่อนาคต เนื่องจาก Cloud Technology เป็นเหมือนพื้นที่เสริมพลังการขับเคลื่อนด้านการประมวลผลข้อมูล ขนาดใหญ่ให้แก่เทคโนโลยีเหล่านี้ ดังนั้น ธุรกิจองค์กรที่มีความต้องการใช้ AI จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมี ระบบ Cloud เป็นพื้นฐานด้านเทคโนโลยีที่ควบคู่ไปด้วย เพื่อให้สามารถเข้าถึงข้อมูลและใช้ประโยชน์จาก AI ได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และพร้อมต่อยอดสู่โอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจตามที่ได้วางเป้าหมายไว้”

Skip to content