กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow) เปิดบ้านนำสื่อมวลชนชมฐานการผลิตใหญ่ที่สุดของ Dow ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่จังหวัดระยอง โดยชูความสำเร็จของโรงงานโพรพิลีนไกลคอลซึ่งขยายกำลังการผลิตจนขึ้นแท่นโรงงานใหญ่ที่สุดในเอเชียเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ขณะนี้เปิดดำเนินการเต็มกำลังการผลิตถึง 250,000 ตันต่อปี พร้อมนำชมโรงงานอื่น ๆ ในนิคมอุตสาหกรรมเอเซีย เช่น โรงงานผลิตโพลียูริเทน โดยฐานการผลิตในประเทศไทยแห่งนี้นับว่าเป็นโรงงานระดับโลกที่มีความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีดิจิทัล มาตรฐานความปลอดภัย และมีความสม่ำเสมอในการผลิตสูงติดอันดับต้น ๆ ของ Dow ทั่วโลก นอกจากนี้ยังได้นำเสนอนวัตกรรมวัสดุศาสตร์เพื่อความยั่งยืน ซึ่งเป็นต้นน้ำที่ช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสำคัญๆ ทั้งในไทยและต่างประเทศ ฐานการผลิตของกลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย ประกอบด้วย 13 โรงงาน ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด นิคมอุตสาหกรรมเอเซีย และนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอตะวันออก จังหวัดระยอง ผลิตวัสดุและเคมีภัณฑ์ เช่น กลุ่มผลิตภัณฑ์พลาสติกชนิดโพลิเอทิลีน โพลิสไตรีน อีลาสโตเมอร์ กลุ่มผลิตภัณฑ์โพลิยูรีเทน สไตรีนบิวทาไดอีนเลเทกซ์ สารโพรพิลีนออกไซด์ และโพรพิลีนไกลคอล ซึ่งใช้เป็นสารตั้งต้นในหลากหลายอุตสาหกรรมทั้งในและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ การก่อสร้าง ยานยนต์ และการผลิตเครื่องอุปโภคบริโภค นายเดชา พาณิชยพิเชฐ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย กล่าวว่า “เนื่องจากประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุดของ Dow ในเอเชียแปซิฟิก เราสามารถผลิตวัสดุและเคมีภัณฑ์ต่าง ๆ ได้มากกว่า 2.5 ล้านตันต่อปี ส่งให้กับภาคอุตสาหกรรมในประเทศประมาณ 40% และส่งออกส่วนที่เหลือไปยังทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกรวมถึงอินเดีย ปีนี้เราได้ขยายกำลังการผลิตโรงงานโพรพิลีนไกลคอลเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่เพิ่มขึ้นในหลากหลายอุตสาหกรรมไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมอาหาร น้ำหอม และผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค ”
“ฐานการผลิตในประเทศไทยของเรา ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในโรงงานของ Dow ที่เป็นเลิศที่สุดในโลกด้านเทคโนโลยีดิจิทัล เราใช้นวัตกรรมที่ทันสมัยเพื่อก้าวสู่ Manufacturing 4.0 โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลและหุ่นยนต์ AI เข้ามาช่วยปฏิบัติงานในโรงงาน ทำให้พนักงานมีความปลอดภัยในการทำงาน ช่วยประหยัดพลังงาน ลดระยะเวลาการทำงาน และสามารถนำข้อมูลที่ได้มาวางแผนการบำรุงรักษาอุปกรณ์ต่าง ๆ ของโรงงานในเชิงป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น เซ็นเซอร์อัจฉริยะเพื่อเฝ้าระวังการชำรุดของอุปกรณ์และประเมินกำหนดการบำรุงรักษา หุ่นยนต์ AI เพื่อจัดการกับงานที่เป็นอันตรายและลดความเสี่ยงในการทำงานของมนุษย์ และการใช้แอปพลิเคชันมือถือเพื่อปรับปรุงการทำงานและการสรุปข้อมูลเพื่อตัดสินใจแบบเรียลไทม์”
“กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย ยังเป็นหนึ่งในฐานการผลิตที่มีสถิติความปลอดภัยและความสม่ำเสมอในการผลิตดีที่สุดในโลก จนได้รับคำชื่นชมและรางวัลต่าง ๆ มากมายทั้งจากในและต่างประเทศ เช่น รางวัล Tripple Zero ของ Dow สหรัฐอเมริกาซึ่งมอบให้เฉพาะโรงงานฝ่ายผลิตที่เป็นเลิศในด้านความปลอดภัย โดยสามารถดำเนินงานโดยไม่มีอุบัติเหตุได้มากกว่า 71.8 ล้านชั่วโมง หรือ 4,917 วัน ทุกโรงงานของเราได้รับรางวัลอุตสาหกรรมสีเขียว ระดับ 4 โดยให้ความสำคัญกับความร่วมมือของพนักงานในทุกระดับภายในองค์กรเพื่อส่งเสริมการดำเนินงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในทุกมิติของการดำเนินธุรกิจจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กร และรางวัลธงธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยยอดเยี่ยม”
“นอกจากนี้เรายังได้รับการรับรองคาร์บอนและการพัฒนาอย่างยั่งยืนระหว่างประเทศ (ISCC Plus) รางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น รวมทั้งฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์ และฉลากลดโลกร้อน จนต่างชาติต้องมาดูงานกันปีละหลาย ๆ ครั้งว่าคนไทยทำอย่างไร ที่นี่เรามีพนักงานชาวไทยมากกว่า 99% จึงพูดได้เต็มปากว่านี่คือความสามารถของคนไทยอย่างแท้จริง นี่คือความภาคภูมิใจของเรา” นายเดชา กล่าวเพิ่มเติม
Dow เริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510 และได้ร่วมกับเอสซีจี เคมิคอลส์ ก่อตั้งกลุ่มบริษัทร่วมทุนเอสซีจีซี-ดาว ในปี พ.ศ. 2530 โดยดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมายาวนานเกือบ 60 ปี ด้วยความมุ่งมั่นในพันธสัญญาการดำเนินงานอย่างยั่งยืนและตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน
More Stories
ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป มั่นใจครึ่งหลังปี 67 ผลการดำเนินงานแข็งแกร่งต่อเนื่อง
LEO ติดปีก! จับมือกรมพาณิชย์ประจำนครคุนหมิง
เมืองไทยประกันชีวิต มอบประสบการณ์เหนือระดับสุดเอ็กซ์คลูซีฟ