เพื่อร่วมสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนของธุรกิจในโอกาสทางการเงินสีเขียว
- MSME S-Card เกิดขึ้นภายใต้โปรแกรม Sirius เพื่อเปิดโอกาสให้กลุ่มธุรกิจ SME ได้ใช้ประโยชน์จากดิจิทัลโซลูชั่นเพื่อพัฒนาธุรกิจของตนสู่เป้าหมาย ESG ที่สามารถวัดผลได้ผ่านการปฎิบัติงานที่มีความยั่งยืนมากขึ้นและสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ
- พันธมิตรของ แอนท์ อินเตอร์เนชันแนล อย่าง GCash จากฟิลิปปินส์ จะเป็นผู้นำร่องโครงการ โดยมี Gprnt เป็นพาร์ทเนอร์ทางเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาสกอร์การ์ดให้ตรงต่อความต้องการของลูกค้าของธุรกิจ SME เพื่อการเข้าถึง การวัดผล และการประเมินผลของผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับ ESG
กรุงเทพฯ ,– แอนท์ อินเตอร์เนชันแนล ผู้นำด้านการชำระเงินดิจิทัล และเทคโนโลยีการเงินระดับโลก ร่วมกับพันธมิตรชั้นนำพัฒนา สกอร์การ์ด (Scorecard) เพื่อสนับสนุนในการสร้างความยั่งยืนสำหรับกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และขนาดย่อย (SME) ภายใต้ชื่อ MSME Sustainability Impact Scorecard หรือ MSME S-Card ซึ่งเป็นดิจิทัลโซลูชั่นสำหรับ SME ในการติดตามผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และสังคมซึ่งสามารถตรวจสอบได้เพื่อให้กลุ่มธุรกิจเหล่านี้สามารถเดินหน้าสู่เป้าหมายในการสร้างความยั่งยืนตามมาตรฐานและข้อกำหนดได้อย่างชัดเจน
MSME S- Card นำประโยชน์จากความเชียวชาญและเครือข่ายพันธมิตรของ แอนท์ อินเตอร์เนชันแนล ในด้านนวัตกรรมดิจิทัลและแพลตฟอร์ม เข้ามาใช้เพื่อสะสมข้อมูลสำคัญทั้งในแง่ของขั้นตอนการปฎิบัติงาน และดิจิทัล วอลเล็ท เพื่อสร้างและรับรองผลงานด้าน ESG ให้แก่ธุรกิจ SME ซึ่งการผสานการวัดผลในด้าน ESG แบบดิจิทัล ธุรกิจ SME จะสามารถใช้ สกอร์การ์ด เป็นข้อมูลเพื่อสนับสนุนการดำเนินการทางธุรกิจให้เข้าสู่มาตรฐานความยั่งยืน สร้างความน่าเชื่อถือด้าน ESG ให้แก่ธุรกิจของตนเอง เพื่อดึงดูดนักลงทุน และสานต่อเป้าหมายธุรกิจระยะยาวในการสร้างความยั่งยืนให้สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินธุรกิจในระดับสากล
Leiming Chen, Chief Sustainability Officer, Ant International กล่าวว่า หนึ่งในวัตถุประสงค์หลักที่เราได้เปิดตัวโปรแกรม Sirius เมื่อต้นปีคือเพื่อช่วยแก้ปัญหาความไม่เท่าเทียมในแง่ของโอกาสในการมีส่วนร่วมสร้างความยั่งยืนที่ธุรกิจ SME กำลังเผชิญซึ่งทำให้เสียโอกาสทางธุรกิจเนื่องจากทั่วโลกได้มีการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนแล้ว เราหวังว่า MSME S-Card ซึ่งเป็นโครงการแรกที่เกิดขึ้นภายใต้โปรเจ็ค Sirius จะช่วยสร้างข้อกำหนดใหม่ ๆ ในการทำงานร่วมกันระหว่าง SME และ สถาบันทางการเงินเพื่อสนับสนุนการสร้างความยั่งยืนให้แก่กลุ่ม SME เหล่านี้จะได้มีโอกาสในการสานต่อวิสัยทัศน์เพื่อสร้างความยั่งยืนแห่ง อนาคต พร้อมได้ประโยชน์ทั้งจากการใช้ช่องทางการชำระเงินที่ให้ความสำคัญต่อความยั่งยืน, รายงาน ESG และการเงินสีเขียว”
เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แอนท์ อินเตอร์เนชันแนล ได้เปิดตัวโปรแกรม Sirius (Sustainability Innovation for Regenerative & Inclusive Purpose) โดยมีพันธมิตร อาทิ บรรษัทการเงินระหว่างประเทศ (IFC) ซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มธนาคารโลก, Gprnt อีกกลุ่มบริษั ทฟินเทคชั้นนำอีก 13 รายทั่วเอเชีย แปซิฟิก เข้าร่วมสนับสนุนเพื่อเสริมศักยภาพของ SME ในการเปลี่ยนผ่านไปสู่ความยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (United Nations Sustainable Development Goals)
เพื่อสนับสนุน SME ให้เริ่มต้นการเดินทางสู่ความยั่งยืน Gprnt ในฐานะพาร์ทเนอร์ด้านเทคโนโลยี จะร่วมมือกับ แอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล ในการใช้แพลตฟอร์มที่เป็นดิจิทัลโซลูชั่นจัดทำรายงานสำหรับ SME เพื่อให้ SME สามารถเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนที่เป็นระบบตามเกณฑ์สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล พื้นฐาน ที่มีความโปร่งใส เพื่อสนับสนุนเป้าหมายในการมีส่วนร่วมสร้างความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมของธุรกิจเหล่านี้
Lionel Wong, Executive Director, Gprnt กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะเดินหน้าสานต่อโปรเจ็ค Sirius ร่วมกับ แอนท์ อินเตอร์เนชันแนล เนื่องจากโปรเจ็คดังกล่าวมีความสำคัญต่อธุรกิจ SME อย่างยิ่งในการเริ่มต้นความมุ่งมั่นการสร้างความยั่งยืน ซึ่งโซลูชั่น MSME S-Card เปิดตัวในช่วงเวลาที่เหมาะเจาะกับเครื่องมือของเราที่เรียกว่า Disclosure and Marketplace tools ซึ่งออกแบบมาเพื่อเป็นตัวช่วยในการรายงานด้านความยั่งยืนสำหรับธุรกิจทุกขนาดให้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังสามารถเชื่อมธุรกิจเหล่านี้ให้เข้ากับระบบนิเวศของโซลูชัน เพื่อรองรับความต้องการด้านการเงิน และการลดคาร์บอนของธุรกิจ”
อุปสรรคของ SME ในการมีส่วนร่วมเพื่อสร้างความยั่งยืน
ธุรกิจ SME มีสัดส่วนเป็น 90% ของธุรกิจทั้งหมดในภูมิภาคเอเชีย อย่างไรก็ตามด้วยขนาดที่เล็ก ธุรกิจเหล่านี้จึงขาดความสามารถ และกลไกการรวบรวมข้อมูลสำหรับการรายงานที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน รวมถึง
- ขาดความรู้ : ธุรกิจ SME แตกต่างจากธุรกิจขนาดใหญ่ที่จำเป็นต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดการรายงาน ESG, ทำให้ SME ขาดความรู้ความเข้าใจในถึงแนวปฏิบัติด้าน ESG โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งการเข้าถึงข้อมูลและทรัพยากรยังคงมีข้อจำกัด
- ทรัพยากรมีจำกัด: ธุรกิจ SME ต้องเผชิญกับอุปสรรคทั้งด้านทรัพยากร และการเงินที่มีจำกัด ส่งผลให้การนำแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนมาใช้เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก และการเลือกใช้ โซลูชั่นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่นการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ หรือการใช้อุปกรณ์ที่ประหยัดพลังงานนั้นใช้การลงทุนที่สูง นอกจากนี้ เนื่องจาก SME คือหนึ่งในห่วงโซ่ทางธุรกิจสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ ส่งผลให้ SME ต้องปฎิบัติตามความต้องการที่ซับซ้อน และข้อกำหนดด้านความยั่งยืนที่เข้มงวดของธุรกิจในการทำรายงาน
- ตัวเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมในแง่ของการเงินมีจำกัด: โซลูชั่นการเงินสีเขียวที่มีอยู่ในท้องตลาดปัจจุบันของธนาคารและสถาบันการเงิน มักออกแบบมาเพื่อบริษัทขนาดใหญ่ ทำให้ SME ไม่ได้รับการสนับสนุนที่เพียงพอ เนื่องจาก SME ต้องการแหล่งเงินทุนที่สอดคล้องกับระยะเวลาการลงทุนที่สั้นกว่า ใช้เงินทุนที่น้อยกว่า และมีความท้าทายเฉพาะตัว หากไม่มีการสนับสนุนทางการเงินที่เหมาะสมเช่นนี้ SME จะประสบปัญหาในการหาทุนเพื่อการเปลี่ยนแปลงสู่ความยั่งยืน
การใช้ประโยชน์จาก ดิจิทัลแพลตฟอร์มสำหรับธุรกิจ SME เพื่อทำรายงานและการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน
พันธมิตรของ แอนท์ อินเตอร์เนชันแนล ทั้งหมดในอีโคซิสเต็มส์ มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการสนับสนุน SME ให้สามารถเข้าถึงข้อมูล และได้รับการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญ MSME S-Card จะช่วยเติมเต็มช่องว่างระหว่างสถาบันการเงิน และธุรกิจขนาดเล็ก พร้อมเปิดโอกาสให้สามารถสร้างรายงานความยั่งยืนได้อย่างโปร่งใส เช่นเดียวกับ GCash จากฟิลิปปินส์ ซึ่งจะเป็นผู้นำร่องโครงการดังกล่าวเพื่อสร้างมาตรฐานของการประเมินผลตามความต้องการเฉพาะของธุรกิจ SME ในแต่ละประเทศ
Winsley Bangit, VP for New Businesses, GCash กล่าวว่า “กลุ่มธุรกิจ SME ในฟิลิปปินส์คิดเป็นสัดส่วนถึง 99.5% ของธุรกิจโดยรวม อีกทั้งยังมีธุรกิจ SME อีกจำนวนมากที่ยังไม่ได้จดทะเบียนอย่างเป็นทางการ และยังขาดการเข้าถึงแหล่งเงินทุน และการสนับสนุนเพื่อโอกาสในการเติบโตอันเป็นการจำกัดศักยภาพในของธุรกิจทั้งในแง่ของความยืดหยุ่นและการเข้าถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้เอง การร่วมมือกันกับ GCash และ แอนท์ อินเตอร์เนชันแนล จะช่วยให้ SME สามารถเข้าถึงทั้งเงินทุน และการสนับสนุนที่เป็นประโยชน์ ส่งเสริมการเติบโตทางธุรกิจ สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของ GCash ที่ต้องการยกระดับชีวิตประจำวันของคนฟิลิปปินส์ เพื่อสร้างอีโคซิสเต็มส์ที่ครบครันทั้งเงินทุน เทคโนโลยี และความเชี่ยวชาญในแง่ของการสร้างความยั่งยืน”
GCash ในฐานะสมาชิกของโครงการ Sirius คือผู้นำที่ส่งเสริมการเข้าถึงทางการเงินอย่างเท่าเทียมสำหรับธุรกิจในฟิลิปปินส์ผ่านการนำเสนอบริการธุรกรรมทางการเงินบนมือถือ นอกจากนี้ GCash ยังมุ่งมั่นในการสร้างความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมและสังคม ซึ่งส่งผลให้ GCash เป็นผู้นำฟินเทคที่ยั่งยืนระดับโลก ผ่านโครงการ GForest, GCash ที่รวบรวมและสนับสนุนให้ผู้ใช้กว่า 17 ล้านคน ปลูกต้นไม้มากกว่า 2.8 ล้านต้น ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนถึง 138,000 เมตริกตัน และยังช่วยสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรกว่า 8,600 คน
โครงการเริ่มต้นกับ GCash คาดว่าจะเริ่มดำเนินการภายในปีหน้า
More Stories
ผลวิจัย Ericsson ConsumerLab ชี้การใช้แอป Generative AI
เปิดตัว “CloudNurse” แพลตฟอร์มยุคสังคมสูงอายุเจ้าแรกของเมืองไทย ปฏิวัติวงการดำเนินงานสถานดูแลผู้สูงอายุ
NTT DATA และ Google Cloud เสริมแกร่งความร่วมมือ เร่งนำการวิเคราะห์ข้อมูลและการประยุกต์ใช้ GenAI