JR แกร่ง! เปิดงบ 9 เดือน กวาดรายได้ 1,081.56 ล้านบาท เดินหน้าสานต่อกลยุทธ์ Quick Win ควบคู่ Oil & Gas หนุนมาร์จิ้นสูง ลุยประมูลงานใหม่เติม Backlog

บมจ.เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู. ยูทิลิตี้ (JR) สุดแกร่ง! เปิดงบ 9 เดือน กวาดรายได้ 1,081.56 ล้านบาท กำไรสุทธิ 29.75 ล้านบาท รับความสำเร็จกลยุทธ์งาน Quick Win ที่ปั๊มรายได้อย่างรวดเร็ว ฟากผู้บริหาร “สุรเดช อุทัยรัตน์” ระบุ โค้งสุดท้ายปีนี้ คงเน้นแผนธุรกิจควบคู่กับงาน Oil & Gas ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์สูงทำให้มีโอกาสได้งานเพิ่มขึ้น พร้อมเดินหน้าเข้าประมูลงานใหม่ ดัน Backlog แตะระดับ 8,000 ล้านบาทภายในปีนี้ ทยอยรับรู้ยาว 2-3 ปี สร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน

นายสุรเดช อุทัยรัตน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู. ยูทิลิตี้ จำกัด (มหาชน) (JR) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2567 (สิ้นสุด 30 กันยายน 2567) บริษัทฯ มีรายได้รวม 407.12 ล้านบาท กำไรสุทธิ 27.50 ล้านบาท ส่วนผลการดำเดินงานงวด 9 เดือนแรกปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,081.56 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 29.75 ล้านบาท โดยปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ มาจากกลยุทธ์มุ่งเน้นการรับงานโครงการประเภท Quick Win เป็นตัวเร่งการรับรู้รายได้ที่รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งงานที่ได้รับในไตรมาส 3/2567 เช่น โครงการ Supply and Installation of Electrical Package โครงการ SB – SPB2.2 Solar Power Plant Project

สำหรับไตรมาส 4/2567 บริษัทฯ ยังคงสานต่อกลยุทธ์ Quick Win ควบคู่กับการให้ความสำคัญกับธุรกิจ Oil & Gas ที่ทีมงานมีความเชี่ยวชาญ ซึ่งถือเป็นจุดแข็ง และคู่แข่งในตลาดมีน้อย อีกทั้งมาร์จิ้นยังอยู่ในระดับสูง รวมทั้งงานที่เป็นประเภท Green Energy เพื่อสร้างรายได้ให้เติบโตมั่นคง

“ในไตรมาสสุดท้ายปีนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการรับงานโครงการประเภท Quick Win ซึ่งเป็นตัวเร่งการรับรู้รายได้ที่รวดเร็วยิ่งขึ้น และจะเดินหน้าเข้าร่วมประมูลงานภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) จากปัจจุบันอยู่ที่ ประมาณ 7,964 ล้านบาท คาดว่าสิ้นปี Backlog จะมีมูลค่าใกล้ 8,000 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในช่วง 2-3 ปี ซึ่งแสดงถึงความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อ JR ในฐานะผู้รับเหมาที่มีความเชี่ยวชาญธุรกิจวางระบบไฟฟ้าและไอซีที” นายสุรเดชกล่าว

ปัจจุบัน บริษัทฯมีงานในมือที่จะทยอยรับรู้ในระยะยาว ได้แก่ งานโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสีชมพู เฟส 2 มูลค่าเกือบ 7,000 ล้านบาท จะทยอยรับรู้รายได้ในช่วง 3 ปีข้างหน้า และงานก่อสร้างซับสเตชั่นไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จำนวนกว่า 500 ล้านบาท