เซียนหุ้น 3 แห่งพร้อมใจแนะซื้อหุ้น PTG เคาะกรอบราคาเป้าหมาย 11-12.70 บาท โดยบล.ยูโอ เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ประเมินยอดขายน้ำมันQ4/67 เติบโต 8-10 % เทียบกับ QoQ ให้ราคาเป้าหมายปี 68 ที่ 12.7 บาท ด้าน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) คาดกำไรปี 68 เติบโตดี เทียบกับ YoY รับแรงหนุนจากปริมาณยอดขายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นและธุรกิจ Non-Oil ,ท่องเที่ยวขยายตัว,กลยุทธ์ PT Max Card หนุน ให้ราคาเหมาะสม 11 บาท ขณะที่บล. ทรีนีตี้ คาดกำไรปี 67 อยู่ที่ 1,050 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบ YoY จากค่าการตลาดที่ระดับปกติ 1.7 บาทต่อลิตร ส่วนผลงาน Q4/67 โตโดดเด่น ให้ราคาเป้าหมายปี 68 ที่ 11 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เผยแพร่บทวิเคราะห์ โดยประเมินแนวโน้มกำไรสุทธิ Q4/2567 ของหุ้น บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) จะฟื้นตัวจาก High season ของการท่องเที่ยว รวมไปถึงผ่านช่วงฤดูฝนตั้งแต่ปลายเดือน ต.ค.เป็นต้นไป ถือเป็นปัจจัยหนุนยอดขายน้ำมันให้กลับมาฟื้นตัว ซึ่งฝ่ายวิจัยคาดว่าจะได้เห็นยอดขาย Q4/2567 เติบโต 8-10% เมื่อเทียบ QoQ นอกจากนี้ Traffic ในการเข้าสถานีบริการที่เพิ่มขึ้นจะเป็นปัจจัยหนุนรายได้จากธุรกิจ Non-Oil เติบโตเมื่อเทียบ QoQ ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ทางฝ่ายวิจัยเชื่อว่าสมมติฐานค่าการตลาดที่ 1.7 บาทต่อลิตร ยังมีความเป็นไปได้และอยู่ในกรอบเป้าหมายของบริษัทฯ ที่ 1.7-1.8 บาทต่อลิตรในปี 2567 ดังนั้นฝ่ายวิจัยจึงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 12.7 บาท อ้างอิง P/E เฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่ระดับ -1.0 S.D.ที่ 17.8 เท่า ระยะสั้นมีปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของผลประกอบการ Q4/2567 ทำให้ PTG กลับมามีความน่าสนใจในการลงทุน อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์การลงทุนแนะนำทยอยซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวหลังจากที่ราคาหุ้นปรับเพิ่มกว่า 23% ในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า ตามที่ผู้บริหารบริษัทฯ Guidance Q4/2567 ปริมาณขายน้ำมันเติบโตเมื่อเทียบ QoQ จากอุปสงค์ฟื้นตัวตามฤดูกาล และน้ำท่วมคลี่คลาย คงเป้าหมายทั้งปีเติบโต 10-15% เมื่อเทียบ YoY ขณะที่ QTD ใน Q4/2567 คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นธุรกิจน้ำมันต่อลิตรสูงขึ้นเมื่อเทียบ QoQ จาก 1.65 บาทต่อลิตรใน Q3/2567 และคาดการณ์ทั้งปีเฉลี่ย 1.7-1.8 บาทต่อลิตร ซึ่งฝ่ายวิจัยคาดว่า แม้ SG&A จะปรับตัวขึ้นจากค่าใช้จ่ายช่วงปลายปีและการเร่งขยายสาขาธุรกิจ Non-Oil แต่คาดกำไรปกติจะเติบโตเมื่อเทียบ QoQ โดยได้รับปัจจัยบวกจาก 1.) ยอดขายน้ำมันเร่งตัวตามปัจจัยฤดูกาลทั้งกิจกรรมเดินทางท่องเที่ยวช่วงปลายปีและผ่านพ้นฤดูมรสุม 2.) กลยุทธ์บัตรสมาชิก PT Max Card 3.)อานิสงส์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และ 4.) ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจน้ำมันปาล์มมีโอกาสเร่งตัวจากการพุ่งขึ้นของราคา CPO แตะระดับสูงสุดรอบกว่า 2 ปี ทั้งนี้ คาดว่ากำไรปี 2568 ของ PTG จะเติบโตได้ดีเมื่อเทียบ YoY ตามปริมาณสาขาธุรกิจ Oil และ Non-Oil,ภาคท่องเที่ยวขยายตัว,กลยุทธ์ PT Max Card,แรงกดดันค่าการตลาดต่ำลงจากทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกชะลอตัว และเงินบาทแข็งค่า โดยในช่วง 6 เดือนข้างหน้าคาดผลประกอบการ Q4/2567-Q1/2568 ดีขึ้นตามปัจจัยฤดูกาลนับตั้งแต่ต้นเดือน ต.ค. ที่ราคาหุ้น -14% ถือว่าสะท้อนความอ่อนแอของ Q3/2567 ไปแล้ว ซึ่งราคาปัจจุบันถือว่ามี Upside gain เปิดกว้าง ทางพื้นฐานปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” ให้ราคาเหมาะสม 11.00 บาท นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยหนุนจากความคืบหน้าแผน Spin-off บริษัทลูก 1.ATLAS ธุรกิจ LPG ในปี 2568 (ปัจจุบันยื่น Filing) และ 2.Punthai ธุรกิจร้านกาแฟ ปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อม Spin-off ในอนาคต
บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด คงประมาณการกำไรของ PTG ในปี 2567 ที่ 1,050 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% YoY จากค่าการตลาดที่ระดับปกติ 1.7 บาทต่อลิตร แม้ Q3/2567 จะเป็นช่วง Low Season หน้าฝน ปริมาณการใช้น้ำมันลดลง นอกจากนี้ระยะสั้นอาจจะมีความเสี่ยงเรื่องกฎหมายบริหารโครงสร้างราคา ซึ่งอาจจะส่งผลต่อ Margin ต่อลิตรของบริษัทฯ ได้ แต่จะกลับมาโดดเด่นในช่วง Q4/2567 โดย Non-Oil ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงปริมาณจำหน่ายน้ำมันต่อสถานีบริการที่เพิ่มขึ้น ปัจจุบันบริษัทฯ เน้นปริมาณ Traffic ที่จะเข้ามาใช้บริการมากกว่าการขยายจำนวนสถานีบริการ ดังนั้นฝ่ายวิจัยจึงคงราคาเป้าหมายปี 2568 ไว้ที่ 11 บาท อิง Avg PER ที่ 14.5 เท่า และคงคำแนะนำ Trading Buy แนวโน้มระยะสั้นอาจจะถูกกดดันจากผลการดำเนินงานที่อ่อนตัว แต่เป็นจังหวะซื้อช่วง Q4 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการบริโภคน้ำมันมากจากช่วงวันหยุดยาว
More Stories
AGE กาง Road Map ปี 68 มุ่งสู่ธุรกิจพลังงานยั่งยืน ปักธง รายได้กลุ่มบริษัทฯ โต 17,000 ล้านบาท
“InnovestX” ชวนคนไทยเข้าคอร์สออนไลน์ “Fund Playbook Mastery”
JPARK ส่งซิกปี 68 ช่องจอดรถพุ่ง 50,000 ช่อง โบรกฯ เชียร์ “ซื้อ” เป้าหมาย 7.25 บาท