เคาะปันผล 5 บาท/หุ้น เกือบ 100% ของกำไร ย้ำดูแลผู้ถือหุ้นต่อเนื่อง
กรุงเทพฯ : – เอสซีจี เผยปี 2567 กำไร 6,342 ล้านบาท กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน (EBITDA) 53,946 ล้านบาท ระดับเดียวกับปี 2566 หนี้ลดลงจากไตรมาสก่อน ผลจากการเร่งปรับตัว เคาะปันผล 5.00 บาท/หุ้น รวมเป็นเงิน 6,000 ล้านบาท คิดเป็น 95% ของกำไร ย้ำมุ่งดูแลผู้ถือหุ้นต่อเนื่อง
เอสซีจีแจ้งผลประกอบการ ปี 2567 คงความสามารถในการบริหารกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน หรือ EBITDA ได้ดี อยู่ที่ 53,946 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับปี 2566 ผลจากการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ บริหารต้นทุนต่อเนื่อง เร่งส่งมอบนวัตกรรมมูลค่าเพิ่มสูง ตลอดจนได้รับเงินปันผลในปี 2567 รวม 14,063 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากการลงทุนในธุรกิจเครื่องจักรกลการเกษตรและธุรกิจยานยนต์.
เอสซีจีเผยถึงความคืบหน้ามาตรการปรับตัวรับมือเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ซึ่งได้แถลงไปเมื่อสิ้นไตรมาส 3 ปี 2567 1.) บริหารจัดการเงินทุนหมุนเวียน ลดลงประมาณ 6,200 ล้านบาทจากปีก่อน 2.) ปรับโครงสร้างการดำเนินงานและธุรกิจ และหยุดธุรกิจที่ไม่ทำกำไรในปี 2567 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน 3.) ควบคุมเงินลงทุน (CAPEX) เน้นเฉพาะโครงการที่มีผลตอบแทนสูงและเร็ว ทั้งหมดนี้ ส่งผลให้หนี้สินสุทธิลดลง 16,777 ล้านบาท จากไตรมาสก่อน อัตราหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเท่ากับ 0.7 เท่า สถานะทางการเงินยังมั่นคงและแข็งแกร่ง โดยมีเงินสดคงเหลือ ณ สิ้นปี 53,331 ล้านบาท
เมื่อพิจารณาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน (EBITDA) ที่ยังคงตัวอยู่ในระดับเดียวกับปี 2566 คณะกรรมการบริษัทจึงมีมติให้เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 5.00 บาท รวมเป็นเงิน 6,000 ล้านบาท คิดเป็น 95% ของกำไรสำหรับปีตามงบการเงินรวม ซึ่งคณะกรรมการมีความเห็นว่าเป็นอัตราเงินปันผลที่เหมาะสมและอยู่ในกรอบนโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัท ที่กำหนดในช่วงอัตรา 40-50% ของกำไรสุทธิของงบการเงินรวม แต่ในกรณีที่มีความจำเป็นหรือมีเหตุการณ์ไม่ปกติ บริษัทอาจนำมาประกอบการพิจารณาเปลี่ยนแปลงการจ่ายเงินปันผลในช่วงนั้น ๆ ตามความเหมาะสมได้ ปีนี้คณะกรรมการบริษัทจึงเห็นสมควรเสนอการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2567 ตามข้างต้น เพื่อมุ่งดูแลผู้ถือหุ้นให้ได้รับผลตอบแทนการลงทุนอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ บริษัทได้จ่ายเป็นเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับครึ่งปีแรกในอัตราหุ้นละ 2.50 บาท เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2567 และจะจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายในอัตราหุ้นละ 2.50 บาท กำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นเฉพาะผู้มีสิทธิได้รับเงินปันผลตามข้อบังคับของบริษัทตามที่ปรากฏรายชื่อ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 3 เมษายน 2568 (จะขึ้นเครื่องหมาย XD หรือวันที่ไม่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 2 เมษายน 2568) โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 22 เมษายน 2568 และให้รับเงินปันผลภายใน 10 ปี
ปี 2567 สถานการณ์เศรษฐกิจโลกมีความท้าทาย และเป็นช่วงที่วัฏจักรปิโตรเคมีโลกชะลอตัวต่ำสุดในรอบ 20 ปี ส่งผลให้เอสซีจีมีรายได้จากการขาย ปี 2567 511,172 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากปีก่อน จากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นของเอสซีจี เคมิคอลส์ และเอสซีจีพี กำไรสำหรับปี 6,342 ล้านบาท ลดลง 76% จากปีก่อน จากผลประกอบการของโรงงานปิโตรเคมี LSP และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลดลง ทั้งนี้ หากไม่รวมรายการพิเศษจากขาดทุนการด้อยค่าสินทรัพย์ของโรงงานซีเมนต์ในภูมิภาค ในปี 2566 กำไรสำหรับปี ลดลง 52% จากปีก่อน สำหรับไตรมาส 4 ปี 2567 รายได้จากการขาย 130,512 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อน จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นของเอสซีจี เคมิคอลส์ ขาดทุนสำหรับงวด 512 ล้านบาท เมื่อเทียบกับกำไร 721 ล้านบาทจากไตรมาสก่อน จากผลประกอบการและการรับรู้ค่าเสื่อมราคาทั้งหมดของ LSP ขณะที่ไตรมาสก่อน มีรายการเงินสดที่ได้จากสัญญาแลกเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย หรือ Interest Rate Swap (IRS) มูลค่า 2,183 ล้านบาท จากเอสซีจี เคมิคอลส์
More Stories
AGE กาง Road Map ปี 68 มุ่งสู่ธุรกิจพลังงานยั่งยืน ปักธง รายได้กลุ่มบริษัทฯ โต 17,000 ล้านบาท
“InnovestX” ชวนคนไทยเข้าคอร์สออนไลน์ “Fund Playbook Mastery”
JPARK ส่งซิกปี 68 ช่องจอดรถพุ่ง 50,000 ช่อง โบรกฯ เชียร์ “ซื้อ” เป้าหมาย 7.25 บาท