26 กุมภาพันธ์ 2025

THE MASTER

ย่อโลกข่าวไว้ในมือคุณ

ยูโอบี เผยกลยุทธ์การลงทุนเสริมความแข็งแกร่งให้นักลงทุนท่ามกลางความ

ไม่แน่นอนของเศรษฐกิจทั่วโลก ในงานสัมมนาการลงทุนปี 2568

กรุงเทพฯ, – ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย จัดงานสัมมนาการลงทุนปี 2568 โดยให้ข้อมูลเชิงลึกและกลยุทธ์การลงทุนท่ามกลางสภาวะตลาดที่มีความผันผวน แนะนำสร้างพอร์ตการลงทุนที่แข็งแกร่งผ่าน Core Investment ผ่านกลยุทธ์กระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย (Multi-asset) และตราสารหนี้ระดับ Investment grade เพื่อตอบโจทย์วัตถุประสงค์ทางการเงินในระยะยาว นอกจากนี้ ในงานสัมมนายังได้แนะนำถึงโอกาสในการลงทุน โดยเน้นกลยุทธ์ที่มุ่งสร้างรายได้ผ่านการลงทุนในหุ้นคุณภาพดีที่มีเงินปันผลเพื่อสร้างรายได้ประจำที่มั่นคง และการใช้ประโยชน์จากนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อคว้าโอกาสในการลงทุนที่หลากหลาย

แนวโน้มเศรษฐกิจโลกในปี 2568 จะมีความไม่แน่นอนและความผันผวนที่สูงขึ้นจากการกลับมาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ การดำเนินนโยบายที่เปลี่ยนไปจะส่งผลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเศรษฐกิจโลก ผลกระทบด้านเงินเฟ้อที่คาดว่าจะได้รับแรงกดดัน โดยเฉพาะจากภาษีการค้า สิ่งสำคัญที่นักลงทุนต้องติดตามคือการบังคับใช้ภาษีสินค้านำเข้า ที่มีการเปลี่ยนแปลงและมีการประกาศจากโดนัลด์ ทรัมป์อย่างต่อเนื่อง โดยเราคาดว่าจะเริ่มเห็นความชัดเจนในรายละเอียดมากขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 2568 และคาดว่าจะดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบภายในครึ่งแรกของปี 2569

แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยยังคงมีความยืดหยุ่นแม้จะเผชิญกับความท้าทายจากภายนอก

การคาดการณ์ผลิตภัณฑ์รวมในประเทศของประเทศไทยคาดว่าจะเติบโตร้อยละ 2.9 ในปี 2568 โดยได้รับแรงหนุนจากงบกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวนมากและความคาดหวังในการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ดีขึ้น นายเอ็นริโก้ ทานูวิดจายา นักเศรษฐศาสตร์ Global Economics and Market Research กลุ่มธนาคารยูโอบี กล่าวว่า “เม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโต แม้ว่าการท่องเที่ยวจะทำได้ไม่ดีนักในปีที่แล้ว การปรับปรุงนโยบายวีซ่าและการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการส่งออกน่าจะเป็นสิ่งที่สนับสนุนการฟื้นตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการส่งออกสินค้าไปยังภูมิภาค แทนที่สหรัฐฯ เราคาดการณ์ว่าปีนี้จะมีนักท่องเที่ยว 37.5 ล้านคน การส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 2 และเพิ่มงบประมาณอัดฉีดมากกว่าร้อยละ 4.5 อย่างไรก็ตาม ความท้าทายต่างๆ เช่น หนี้ครัวเรือนที่สูงและความสามารถในการชำระหนี้ที่ยังคงจำกัด การฟื้นตัวในประเทศไทยได้รับแรงผลักดันจากภาคบริการเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งคาดว่าจะนำไปสู่การเติบโตในปี 2568”

คำแนะนำด้านการลงทุนเชิงกลยุทธ์สำหรับนักลงทุน

ในระหว่างงานสัมมนา ทีมที่ปรึกษาด้านการลงทุนของยูโอบีได้เน้นย้ำความสำคัญของการสร้างพอร์ตการลงทุนที่มีความยืดหยุ่น เพื่อรับมือกับความผันผวนจากความไม่แน่นอนจากนโยบาย โดยแนะนำให้นักลงทุนจัดสรรเงินลงทุนในตราสารหนี้ระดับ Investment Grade เพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงและลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุน นอกจากนี้ ยูโอบียังแนะนำให้ใช้กลยุทธ์การลงทุนในหลายสินทรัพย์ (Multi Asset) เพื่อกระจายความเสี่ยงและคว้าโอกาสการสร้างผลตอบแทนจากสินทรัพย์ ภูมิภาค และภาคอุตสาหกรรมที่หลากหลาย

นายเอเบล ลิม Head of Wealth Management Advisory and Strategy กลุ่มธนาคารยูโอบี ให้คำแนะนำสำคัญในการจัดการกับความผันผวนในตลาดระยะสั้น โดยเน้นกลยุทธ์ในการสร้างรายได้ การกระจายการลงทุนเพื่อรับมือกับความผันผวนของตลาด และการใช้ประโยชน์จากนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ เขากล่าวว่า “ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูงเช่นนี้ ควรมุ่งเน้นไปที่บริษัทที่มีความมั่นคงในระยะยาว ซึ่งเป็นบริษัทที่มีโอกาสผิดนัดชำระหนี้น้อยกว่า กลยุทธ์หลักสามประการที่ต้องให้ความสำคัญคือการสร้างรายได้ การจัดการความผันผวน และการใช้ประโยชน์จากนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์”

กลยุทธ์ด้านรายได้ เช่น การลงทุนในบริษัทที่จ่ายเงินปันผลซึ่งมีกระแสเงินสดที่มั่นคงและงบดุลที่แข็งแกร่ง โดยเน้นไปที่บริษัทที่มีผลกำไร และจ่ายเงินปันผล มีผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ที่แข็งแกร่ง และรักษาระดับหนี้ให้ต่ำ เนื่องจากบริษัทเหล่านี้สามารถทนต่อความผันผวนของตลาดได้ นอกจากนี้ แนวโน้มของอุตสาหกรรมการเงินในประเทศที่พัฒนาแล้วยังเป็นไปในทางบวก เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรยังคงน่าสนใจ และคุณภาพสินทรัพย์ยังคงดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เพื่อลดความผันผวนของตลาดที่อาจเกิดขึ้น การกระจายความเสี่ยงยังคงเป็นกุญแจสำคัญ เช่น อาเซียนมีโอกาสที่จะได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบการค้าระหว่างประเทศและการกระจายห่วงโซ่อุปทาน นอกจากนี้ ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ทรัพย์ปลอดภัยที่สำคัญ เพื่อช่วยกระจายความเสี่ยงยามที่มีความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์

การใช้ประโยชน์จากนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์

คาดว่า ภาคการเงินจะได้รับประโยชน์จากการผ่อนคลายข้อบังคับ ทำให้ธนาคารและสถาบันการเงินสามารถจัดสรรเงินทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านการขยายธุรกิจ การจ่ายเงินปันผล และการซื้อหุ้นคืน การลดภาษีของบริษัทจะช่วยเสริมสร้างความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจ ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตของตลาดโดยรวม

หุ้นขนาดเล็กและกลางในสหรัฐฯ ก็คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการลดภาษี โดยบริษัทเหล่านี้มักจะมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจภายในประเทศเป็นหลัก ทำให้มีการเสี่ยงน้อยกว่าต่อความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศ และมีรูปแบบการลงทุนที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ราคาหุ้นของบริษัทขนาดเล็กในปัจจุบันยังน่าสนใจในการสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่

ภาคเทคโนโลยีอาจได้รับประโยชน์จากนโยบายการเติบโตของสหรัฐอเมริกาที่สนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจและนวัตกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่างไรก็ตาม ผลกระทบของบริษัทและอุตสาหกรรมที่ยังคงต้องติดตามต่อและขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของตลาด

ดิจิทัลช่วยบริหารจัดการความมั่งคั่ง

นายกิดอน เจอโรม เคสเซล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผลิตภัณฑ์เงินฝากและบริหารการลงทุนบุคคลธนกิจ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ได้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของยูโอบีในการผสมผสานความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนกับเทคโนโลยีดิจิทัลที่ทันสมัยเพื่อให้คำแนะนำตามเป้าหมายทางการเงินแก่ลูกค้า “My Wealth Planner” เครื่องมือดิจิทัลที่ออกแบบมาเพื่อช่วยลูกค้าสร้างพอร์ตการลงทุนเฉพาะบุคคล โดย My Wealth Planner ช่วยให้นักลงทุนเข้าใจสถานะทางการเงินของตน และวางรากฐานในการลงทุนที่ยั่งยืน เครื่องมือนี้จะประมวลผลข้อมูลของนักลงทุนเพื่อประเมินความเสี่ยงและกำหนดกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมายทางการเงิน ทำให้ลูกค้าได้รับคำแนะนำการลงทุนที่เหมาะสมและสามารถติดตามความคืบหน้าของพอร์ตการลงทุนของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ฟีเจอร์การบริหารความมั่งคั่งในแอปพลิเคชัน UOB TMRW ช่วยให้ลูกค้าสามารถซื้อ ขาย และสลับกองทุนรวมได้อย่างง่ายดาย พร้อมทั้งเข้าถึงกองทุนต่างประเทศจากสถาบันการเงินชั้นนำระดับโลก เช่น Fidelity International, Goldman Sachs Asset Management, J.P. Morgan Asset Management, PIMCO และ UOB Asset Management การพัฒนานี้ช่วยเพิ่มศักยภาพการลงทุนให้ลูกค้าสามารถบริหารจัดการการลงทุนได้โดยตรงจากโทรศัพท์มือถือ

Skip to content