พร้อมตอบโจทย์สำคัญ…สู่การพัฒนาในศตวรรษที่ 21
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย ผศ.ดร.วีรชัย อาจหาญ ผู้ว่าการ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงขยายกรอบความร่วมมือด้านการวิจัยพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศอย่างครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำ อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไทย การพัฒนานวัตกรรมเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด การถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์และสังคม สอดคล้องตามนโยบาย วิจัย-นวัตกรรมดี ตอบโจทย์ตรงความต้องการ โดย “เน้นประเด็นสำคัญประเทศ” ของกระทรวง อว. มีระยะเวลาดำเนินงาน 5 ปี โดยมี ดร.พงศธร ประภักรางกูล รองผู้ว่าการวิจัยและพัฒนาด้านอุตสาหกรรมชีวภาพ วว. ผศ.ดร.เชาวรีย์ อรรถลังรอง ผู้อำนวยการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีแห่งชาติ (ไบโอเทค) สวทช. ร่วมเป็นสักขีพยาน ในการนี้ ดร.จิตรา ชัยวิมล รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์และจัดการนวัตกรรม วว. คณะผู้บริหาร บุคลากรทั้งสองหน่วยงานและสื่อมวลชน ร่วมเป็นเกียรติและแสดงความยินดี โดยภายในงานมีการจัดแสดงเทคโนโลยีการควบคุมทางชีวภาพ ความหลากหลายและการใช้ประโยชน์จุลินทรีย์ ตลอดจนการใช้ประโยชน์จุลินทรีย์ทางการเกษตรและอุตสาหกรรม รวมทั้งการเยี่ยมชมภารกิจศูนย์ความเชี่ยวชาญของ วว. ได้แก่ ศูนย์ความหลากหลายทางชีวภาพ (BRC) ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมอาหารสุขภาพ (InnoFood) ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพร (InnoHerb) และศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมพลังงานสะอาดและสิ่งแวดล้อม (InnoEN ) เพื่อบูรณาการร่วมดำเนินงานต่อไป ในวันที่ 4 มีนาคม 2568 ณ ห้องประชุมใหญ่ ชั้น 5 อาคาร Admin วว. เทคโนธานี คลองห้า จังหวัดปทุมธานี
ผศ.ดร.วีรชัย อาจหาญ ผู้ว่าการ วว. กล่าวว่า จากความร่วมมือดังกล่าวจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งในระดับนโยบายและระดับปฏิบัติ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายสำคัญในการดำเนินงานของ วว. ในฐานะรัฐวิสาหกิจภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่มีพันธกิจสำคัญในการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม มาใช้ในการพัฒนาประเทศ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อเสริมความเข้มแข็งในภาคเกษตรและอุตสาหกรรม พร้อมทั้งยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
โดยปัจจุบันได้มีการแก้ไขพระราชบัญญัติ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2568 และมีการประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งมีการแก้ไขหลักการในสาระสำคัญเพื่อปรับปรุงและขยายภารกิจองค์กร ให้สามารถดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับผลงานวิจัยและนวัตกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในเชิงสังคมและเชิงพาณิชย์และสามารถร่วมทุนได้มากขึ้นด้วย โดย วว. มุ่งดำเนินงานผ่านการขับเคลื่อนด้วย “4 กลยุทธ์ : S – I – E – N” เพื่อนำ วทน. ไปพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้เติบโตยั่งยืน ได้แก่ กลยุทธ์ที่ 1 S : Science Technology and Innovation เร่งสร้างผลงานวิจัย วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพี่อตอบโจทย์ประเทศ กลยุทธที่ 2 I : Infrastructure การพัฒนาและยกระดับโครงสร้างพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กลยุทธ์ที่ 3 E : Ecosystem เสริมสร้างผู้ประกอบการและอุตสาหกรรม ด้วยวิจัย วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม และกลยุทธ์ที่ 4 N : Network สร้างเครือข่ายตอบโจทย์เชิงพื้นที่ ยกระดับคุณภาพชีวิต เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งจะทำให้การเสริมสร้างผลิตภาพการผลิตดีขึ้น สร้างนวัตกรรมตามนโยบายรัฐบาลและนโยบาย ท่านศุภมาส อิศรภักดี รมว.อว. เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม value added … value creation ทำให้ประเทศหลุดจากกับดักทางรายได้ คุณภาพชีวิตพี่น้องประชาชนมีความเท่าเทียม ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เข้มแข็ง
“…การพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้าอย่างยั่งยืนนั้น จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อสร้างสรรค์ผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ ความร่วมมือของ วว. และ สวทช. ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยชั้นนำระดับประเทศ จะเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศไทยให้ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เป็นการผนึกกำลังเพื่อพัฒนาและสร้างความเข้มแข็งของระบบนิเวศวิจัยและนวัตกรรม สามารถนำพาประเทศชาติไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ตอบโจทย์สำคัญสู่การพัฒนาประเทศไทยในศตวรรษที่ 21 ที่มุ่งเน้นการสร้างและพัฒนาคน การวิจัยเพื่อสร้างความรู้ การสร้างและพัฒนานวัตกรรม ได้อย่างเต็มภาคภูมิ…” ผู้ว่าการ วว. กล่าว
ศ.ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า สวทช. มีเป้าหมายหลักในการสร้างขีดความสามารถด้านการวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม ของประเทศไทย เพื่อตอบสนองต่อความต้องการและแก้ไขปัญหาที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่ สวทช. มุ่งมั่นที่จะเชื่อมโยงการทำงานกับพันธมิตรจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อขยายผลการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม
สวทช. และ วว. ได้ดำเนินงานวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือระยะเวลา 5 ปี (1 กรกฎาคม 2562 ถึง 30 มิถุนายน 2567) โดยมุ่งเน้นการพัฒนาชีวภัณฑ์ควบคุมศัตรูพืชที่ปลอดภัยต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม เช่น ชีวภัณฑ์ราเมตาไรเซียม กำจัดไรแดง และสารชีวภัณฑ์ควบคุมวัชพืช ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง สวทช. โดย ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ และศูนย์ความหลากหลายทางชีวภาพ วว. เพื่อทดสอบพิษวิทยาและพัฒนาชีวภัณฑ์ตามเกณฑ์กรมวิชาการเกษตร
และเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์แก่การพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ ทั้งสองหน่วยงานได้จัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือต่ออีก 5 ปี (ตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม 2568 ถึงวันที่ 3 มีนาคม 2572) โดยแนวทางความร่วมมือในระยะต่อไปจะดำเนินงานวิจัยร่วมกันในการส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากจุลินทรีย์ทางการเกษตรสู่เกษตรกรและชุมชน การถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีการผลิตพืชผักและไม้ผลปลอดภัยด้วยชีวภัณฑ์ โดยอาศัยคู่มือแบบมาตรฐานจัดการศัตรูพืช (standard operating procedure: SOP) ของทุเรียน ถั่วฝักยาว เมล่อนและกาแฟ) และระบบ DAPbot เพื่อเข้าถึงชีวภัณฑ์ที่มีคุณภาพใน Line OA ซึ่งพัฒนาโดยคณะนักวิจัย ไบโอเทค สวทช. รวมทั้งการทดสอบพิษวิทยาสำหรับพัฒนาชีวภัณฑ์อื่น ๆ เพื่อรองรับการขึ้นทะเบียนต่อกรมวิชาการเกษตร และผลักดันการเพิ่มขีดความสามารถในการขับเคลื่อนเกษตรกรรมของประเทศให้มีความปลอดภัยและยั่งยืน
“…สวทช. ในฐานะหน่วยงานหลักในการส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาของประเทศ มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้กับภาคการเกษตรของไทย สวทช. มุ่งมั่นที่จะทำให้ภาคการเกษตรของไทยประสบความสำเร็จตามเจตนารมณ์ทุกประการ และพร้อมที่จะขยายผลต่อยอดความร่วมมือด้านการวิจัยเทคโนโลยีในด้านอื่นๆ ต่อไป…” ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าว
อนึ่ง วว. และ สวทช. เป็นหน่วยงานพันธมิตรที่ร่วมบูรณาการดำเนินงานด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีมาอย่างต่อเนื่อง ก่อให้เกิดผลงานที่เป็นรูปธรรมในการขับเคลื่อนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศผ่านโครงการต่างๆ อาทิ โครงการเชื่อมโยงธุรกิจนวัตกรรมเวชสำอางและสมุนไพรสู่ตลาดต่างประเทศ โครงการพัฒนาเชื่อมโยงระหว่างการค้า/การตลาด/การวิจัย/เทคโนโลยีและนวัตกรรมสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โครงการธัชวิทย์วิทยสถานวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยเพื่อการผลิตบัณฑิตด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสมรรถนะสูง โครงการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และพัฒนาความร่วมมืองานวิจัยระบบราง โครงการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรม โครงการสร้างความสามารถให้ผู้ประกอบการไทยเพื่อดำเนินการวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมเชิงระบบ โครงการถ่ายทอดความรู้เทคโนโลยีพลังงานทดแทนให้แก่ประเทศที่สามเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของอาเซียน โครงการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีระหว่างประเทศในภูมิภาคอาเซียนและญี่ปุ่น เป็นต้น
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและรับบริการด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม วว. ได้ที่ call center โทร. 0 2577 9000 หรือที่ระบบบริการลูกค้า “วว. JUMP”
More Stories
ดึงร้านอาหารไทยทั่วโลกเป็นเครือข่ายเผยแพร่ซอฟต์พาวเวอร์ไทย 13 อุตสาหกรรม
สคส. ดันไทยก้าวสู่มาตรฐานโลก คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลระดับสากล ร่วมประชุม APEC DESG ครั้งที่ 50 ณ เกาหลีใต้
STT GDC ประกาศเริ่มก่อสร้างดาต้าเซ็นเตอร์แห่งที่สามในกรุงเทพฯ