22 มีนาคม 2025

THE MASTER

ย่อโลกข่าวไว้ในมือคุณ

วันป่าไม้โลก นักวิชาการ แนะเร่งสร้างความร่วมมือ รัฐ-ประชาชน-เอกชน ป้องกันและฟื้นฟในการจัดการป่าที่ยั่งยืน

ข้อมูลล่าสุดทั่วโลกมีป่าปกคลุมร้อยละ 31 ของที่ดินโลก ซึ่งมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง จากความต้องการที่ดินป่าไม้และเนื้อไม้ ขณะที่พื้นที่ป่าไม้ในประเทศไทยก็ลดลงเช่นเดียวกัน แม้อัตราการลดช้าลงกว่าในอดีต ซึ่งสะท้อนบทบาทของภาครัฐ ชุมชน และเอกชน ในการหยุดยั้งการทำลายป่าและเพิ่มความสมบูรณ์ของป่าผ่านกลไกต่าง ๆ 

 

เรียบเรียงโดย พวงผกา ขาวกระโทก นักวิจัย สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย 

21 มีนาคม คือ วันป่าไม้โลก ซึ่งถูกกำหนดจากที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญ เมื่อปี 2555 โดยมุ่งหวังให้ทั่วโลกได้ตระหนักถึงความสำคัญของป่าไม้ทุกประเภทรวมถึงต้นไม้ที่อยู่นอกพื้นที่ป่า สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (TEI) องค์กรที่ขับเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อมร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้งไทยและต่างประเทศ จึงอยากเป็นกระบอกเสียงให้คนไทยได้ตระหนักและปกป้องดูแลป่าไม้ไทย คุณพวงผกา ขาวกระโทก นักวิจัย สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย ได้เรียบเรียงข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการสูญเสียพื้นที่ป่าในประเทศไทยมานำเสนอ 

5 ประเทศที่มีพื้นที่ป่ารวมกัน มากกว่าครึ่งหนึ่งของพื้นที่ป่าทั่วโลก

ทั่วโลกมีพื้นที่ป่าประมาณ 4.06 พันล้านเฮกตาร์ หรือราว 253 พันล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 31 ของที่ดินโลก ประเทศที่มีพื้นที่ป่าไม้มากที่สุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ รัสเซีย บราซิล แคนาดา สหรัฐอเมริกา และจีน ซึ่งรวมกันแล้ว กว่าครึ่งหนึ่งของพื้นที่ป่าไม้ทั่วโลก (FAO, 2020)

ทั่วโลกสูญเสียป่าราว 625 ล้านไร่ต่อปี

อย่างไรก็ดี ป่าไม้ทั่วโลกยังคงมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง โดยมีอัตราการสญเสียป่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ประมาณ 625 ล้านไร่ต่อปี โดยเฉพาะในภูมิภาคอเมริกาใต้และแอฟริกา สาเหตุหลักจากการเกษตรเชิงพาณิชย์ การตัดไม้ผิดกฎหมาย และไฟป่า ประเทศที่มีอัตราการสูญเสียพื้นที่ป่ามากที่สุด ได้แก่ ประเทศบราซิล อินโดนีเซีย แอฟริกาใต้ ตามลำดับ

การสูญเสียพื้นที่ป่าในประเทศไทยช้าลง แต่ยังน่าเป็นห่วง

ในปี 2566 หลังสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด 19 มาระยะหนึ่ง พื้นที่ป่าในประเทศไทย มีประมาณ 101.8 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 31.47 ของพื้นที่ทั้งหมด น้อยกว่าบางประเทศในภูมิภาค เช่น ลาว (ร้อยละ 58) และเมียนมา (ร้อยละ 43)

ในปีช่วงปี 2565-2566 พื้นที่ป่าไม้ของประเทศไทยลดลงกว่า 3 แสนไร่ (317,819 ไร่) ถือว่าเป็นการลดลงมากที่สุดในรอบ 10 ปี โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งเป็นป่าต้นน้ำของแม่น้ำหลายสายที่อำนวยน้ำท่าลงมายังพื้นที่ด้านล่างและที่ราบลุ่มภาคกลาง และยังคงเผชิญกับการรุกคืบที่ดินเพื่อเปลี่ยนไปเป็นพื้นที่เกษตรกรรม สิ่งปลูกสร้างรองรับการท่องเที่ยว การลักลอบตัดไม้ หาของป่า และปัญหาไฟป่า 

ปัจจัยขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงของผืนป่า

การเปลี่ยนแปลงของผืนป่ามีทั้งในด้านพื้นที่และคุณภาพของป่า เมื่อไม่นานมานี้โครงการจัดทำกลยุทธ์เรดด์พลัสของประเทศไทย ซึ่งร่วมมือกับหลายฝ่ายได้สรุปร่วมกันว่ามีทั้งปัจจัยทางตรงและทางอ้อม กล่าวคือ

  • การสูญเสียพื้นที่ปา

ปัจจัยทางตรง ได้แก่ การบุกรุกแผ้วทางป่า การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในที่ดินป่าไม้

ปัจจัยทางอ้อม ได้แก่ ไฟป่าที่ขาดการควบคุม การลักลอบตัดไม้

  • ความเสื่อมโทรมของป่า

ปัจจัยทางตรงและทางอ้อม ได้แก่ การบังคับใช้กฎหมายไม่มีประสิทธิภาพ แนวเขตและการจำแนกที่ดินไม่เหมาะสม ขาดเอกภาพในการบริหารจัดการป่าไม้ นโยบายอุนรักษ์กับนโยบายเศรษฐกิจไม่สอดคล้องกัน ราคาไม้จูงใจให้มีการลักลอบตัดไม้ ไม้เศรษฐกิจไม่เพียงพอ เป็นต้น

หลักการ 4Ps กับการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าไม้

ความร่วมมือระหว่างรัฐ ประชาชน และเอกชน หรือ 4Ps (Public-People-Private Partnerships) เป็นหลักการที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ และหามาตรการจูงใจให้แต่ละภาคส่วนมีบทบาทในเรื่องนี้อย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม ขณะที่ภาครัฐก็ยังต้องเร่งทบทวนนโยบาย แนวเขตป่า ปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารจัดการและการบังคับใช้กฎหมายด้านป่าไม้และด้านการใช้ที่ดิน รวมถึงให้ความสำคัญกับการจัดการพื้นที่แนวกันชนรอบป่าและกลไกคาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้

นอกจากนี้ ควรพัฒนากลไกในจัดการพื้นที่ป่าและการฟื้นฟูป่า ด้วยมาตรการส่งเสริมการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพนอกพื้นที่คุ้มครอง หรือ OECMs (Other Effective Area-based Conservation Measures) ซึ่งจะช่วยเปิดโอกาสให้ทั้งหน่วยงานรัฐนอกเหนือจากหน่วยงานด้านป่าไม้ ชุมชน และเอกชน ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการพื้นที่ป่าไม้ในรูปแบบต่าง ๆ อย่างจริงจัง

โดยคุณพวงผกา ได้ยกตัวอย่างการทำงานของสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย ร่วมกับชุมชน และได้รับการสนับสนุนจากกองทุนสิ่งแวดล้อม พบว่าการจัดการป่าโคกหีบโดยชุมชนในพื้นที่ตำบลโคกกลาง อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นตัวอย่างที่ดีของการฟื้นฟูป่าให้กลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง โดยชุมชนสามารถพึ่งพาและใช้ประโยชน์จากป่าได้หลายด้าน เช่น เป็นแหล่งอาหารจากพืชผักและสัตว์ป่า เป็นแหล่งพืชสมุนไพรสำหรับรักษาโรค เป็นสถานที่เรียนรู้ของเยาวชน และเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางวัฒนธรรมของท้องถิ่น การบริหารจัดการป่าโดยชุมชนช่วยสร้างสมดุลทางธรรมชาติ ลดการบุกรุกทำลายป่า และส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ยังช่วยรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ และเป็นแหล่งอนุรักษ์พันธุ์สัตว์และพืชท้องถิ่นที่สำคัญ ซึ่งมีผลต่อระบบนิเวศโดยรวมของประเทศ 

ประเทศไทยและประชาคมโลก ยังต้องเร่งสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ และความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ชุมชน และเอกชน ในการจัดการป่าที่ยั่งยืนให้มีรูปแบบที่ชัดเจนให้มากขึ้น ในการป้องกันการบุกรุกป่าและฟื้นฟูความสมบูรณ์ของระบบนิเวศป่าไม้

Skip to content