ขายตรง/MLMNEWS
“ซัคเซสมอร์” ระบุการเยียวยาของรัฐต่อการระบาดของโควิดไม่ใช่ทางแก้ แต่คือการฉุดระบบเศรษฐกิจให้ดิ่งลง แนะควรรีบแก้ให้คนออกมาทำมาหากินได้โดยเร็ว จะช่วยฟื้นเศรษฐกิจได้จริง ขณะที่การบริหารการเปลี่ยนแปลงที่รัดกุมท้าโควิด ฉุดให้ยอดขายพุ่งต่อเนื่อง ประเดิมครึ่งปีแรกโตขึ้น 20% ส่วนทั้งปีวางเป้าโตขึ้น 20% เช่นกัน
นายนพกฤษฏิ์ นิธิเลิศวิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด (มหาชน) หรือ เอสซีเอ็ม (SCM) เปิดเผยทีมข่าว MLM News Online ว่า ช่วงสถานการณ์โควิด 19 ที่กำลังระบาดเป็นระลอก 4 บวกกับมาตรการล็อกดาวน์และการเยียวยาต่างๆ ของภาครัฐไม่ได้ช่วยเหลือประชาชนหรือผู้ประกอบการได้ในระยะยาว ทางกลับกันยิ่งเป็นการเหนี่ยวรั้งมากกว่าการช่วยเหลืออย่างจริงจัง ซึ่งตนเองในฐานะ CEO บริษัทธุรกิจเครือข่าย ต้องการฝากไปถึงรัฐบาลให้รีบแก้ปัญหาโดยเร็ว เพื่อฟื้นคืนเศรษฐกิจประเทศ โดยสิ่งที่ต้องทำเป็นสิ่งแรกคือการตรวจหาผู้ติดเชื้อและเข้ารักษาโดยเร็ว รวมถึงรัฐต้องหาวัคซีนดีๆ มาฉีดให้ประชาชนให้มากที่สุดและเร็วที่สุด คนจะได้มีภูมิคุ้มกัน ซึ่งจะช่วยให้ทุกคนออกมาทำมาหากินได้อย่างปกติ ก็จะส่งผลต่อการฟื้นคืนเศรษฐกิจของประเทศทั้งระบบ เมื่อประชาชนทุกส่วนมีกำลังซื้อ ก็จะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมขายตรงด้วย
“สำหรับตนเองคิดว่า สิ่งที่รัฐกำลังเยียวยาในขณะนี้ไม่ใช่ตำตอบ เพราะเมื่อคนออกมาทำมาหากินไม่ได้ เงินที่เยียวยาไปเท่าไหร่ก็ไม่พอ แต่สิ่งที่รัฐควรช่วยจริงๆ นั้น คือการช่วยเศรษฐกิจทั้งระบบ คือการให้คนออกมาทำมาหากินได้อย่างปกติ อย่างรวดเร็วนั่นถึงจะช่วยประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศจริงๆ” นายนพกฤษฏิ์ กล่าว
นอกจากนี้ นายนพกฤษฏิ์ ยังฝากถึงรัฐบาลอีกว่า ต้องการให้รัฐช่วยส่งเสริมธุรกิจเครือข่ายใน 2 ด้าน คือ 1. สนับสนุนให้คนเปิดใจยอมรับในธุรกิจเครือข่ายที่ถูกกฎหมายอย่างจริงจัง 2. กำจัดธุรกิจเครือข่ายที่ผิดกฎหมายให้หมดไป เพราะเป็นสิ่งทำลายระบบเครือข่ายที่ถูกกฎหมายให้เสื่อมเสีย
อย่างไรก็ตาม การระบาดของโควิดในระลอก 4 นี้ นายนพกฤษฏิ์ ระบุว่า ส่งผลให้บริษัทสะดุดเพียงเล็กน้อย แต่สามารถดึงยอดขายที่สะดุดลงให้กลับมาทะยานขึ้นได้ โดยการบริหารการเปลี่ยนแปลง เน้นการทำงานบนโลกออนไลน์มากขึ้นกว่า 80% ทั้งการจัด Event ผ่านระบบออนไลน์ทุกสัปดาห์ เพื่อให้เกิดการรับรู้อย่างต่อเนื่อง การซื้อขายสินค้าผ่านออนไลน์ พัฒนาระบบการจัดส่งให้ครอบคลุมทุกช่องทาง ตลอดจนการล้อนซ์สินค้าเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะหมวดของใช้ในบ้าน ซึ่งได้การตอบรับที่ดี ประกอบกับสินค้าที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างการ ก็สร้างยอดขายได้เกินเป้า จึงทำให้ยอดขายครึ่งปีแรกเติบโตขึ้น 20% ซึ่งเกินจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 15% ในขณะที่ออฟไลน์ก็ยังคงใช้อยู่ แต่ก็ต้องปรับให้เกิดความเหมาะสมต่อทุกสถานการณ์
“เราต้องปรับเปลี่ยนการบริหารให้เข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยบริษัทมีการปรับ ตั้งแต่ 1. การปรับทัศนคติของคน 2. พัฒนาเครื่องมือให้เหมาะกับยุคสมัย 3. เสริมความรู้เกี่ยวกับโลกดิจิตอล 4. พัฒนาสินค้า โดยเฉพาะด้านการเสริมภูมิคุ้มกัน 5. จัด Event ให้อยู่ในช่องทางออนไลน์ รวมถึงเป็นพาทเนอร์กับบริษัทโลจิสติก เพื่อกระจายสินค้าได้อย่างรวดเร็ว” นายนพกฤษฏิ์ กล่าว
สำหรับครึ่งปีหลัง 3 SCM เดินหน้าพัฒนาเครื่องมือออนไลน์ และพัฒนาทีมให้ใช้เครื่องมือออนไลน์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด พัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ดีขึ้น อาทิ ครีมบำรุงผิวหน้าที่มีสารสกัดจากกัญชง ทำให้เป็นหนุ่มสาวอย่างเห็นผล และยังคงมีสินค้าใหม่อีกหลายรายการที่จะล้อนซ์ออกมาอย่างต่อเนื่องในครึ่งปีหลังนี้
“เราจะพัฒนาระบบดิจิตอล มาร์เก็ตติ้ง ให้ใช้งานได้ 100% รวมถึงเปิดแอพพลิเคชั่นด้วย ซึ่งจะทำให้นักธุรกิจของบริษัทสามารถติดต่อไปหาผู้มุ่งหวังในตลาดในง่าย เพิ่มการรับรู้ของแบรนด์ ตลอดจนการขยายฐานของนักธุรกิจใหม่ๆ ให้เข้าสู่ระบบของ SCM ต่อไป” นายนพกฤษฏิ์ กล่าว
ทั้งนี้ ด้านยอดขายทั้งปี นายนพกฤษฏิ์ กล่าวว่า จากการวางรากฐานด้านต่างๆ ให้เข้มแข็ง จึงมั่นใจว่ายอดขายปีนี้จะทะลุเป้าหมายมีการเติบโตที่เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วอีก 20% อย่างแน่นอน
More Stories
“กิฟฟารีน” เปิดกระหึ่ม “Giffarine Flagship Store” ภูเก็ต เจาะใจกลางเมือง รับทัพลูกค้าไทย-นักท่องเที่ยวต่างชาติ
แอมเวย์ สร้างความสุข ส่งเสริมให้ผู้คนมีสุขภาพที่ดี ส่งท้ายปี
“กิฟฟารีน” ยืนหนึ่งแบรนด์สุขภาพและความงามสัญชาติไทย