ขายตรง/MLMNEWS
“แกรนด์ทริปเปอร์” ไม่หวั่นแม้โควิดรอบ 4 พ่นพิษ ทำยอดครึ่งปีแรกร่วง 30% แต่ยอดขายโดยรวมยังพอใจ ส่วนครึ่งปีหลังหากรัฐปลดล็อกดาวน์ บวกการวางฐานที่แข็งแกร่งตั้งแต่โควิดรอบแรก และเพิ่มหมวดสินค้าออนไลน์ เชื่อดันยอดขายพุ่งถึง 300% พร้อมฝากถึงรัฐบาลหากแก้ปัญหาให้ชะงักต้องล็อกดาวน์ทั้งประเทศ หยุดการชำระหนี้ “เจ็บแต่จบ”ได้จริง
นายธนพงศ์อมร ศิลป์สว่าง ประธานกรรมการ บริษัท โนวา ซายเอนซ์ ดิสทริบิวชั่น บาย แกรนด์ทริปเปอร์ จำกัด เปิดเผยกับทีมข่าว MLM News Online ถึงผลกระทบของวิกฤตโควิดครั้งนี้ว่า ถึงบริษัทจะได้รับผลจากโควิดรอบ 4 ซึ่งหนักกว่าโควิดรอบ 1-3 และส่งผลให้ยอดขายช่วงครึ่งปีแรกไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยยอดขายตกลงมา 20 – 30% แต่โดยรวมถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ ซึ่งตั้งแต่โควิดรอบแรกจนถึงรอบนี้ “แกรนด์ทริปเปอร์” มีการปรับกลยุทธ์ในการทำงานต่างๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น จัดโปรโมชั่นลด แจก แถม สินค้า ให้นักธุรกิจนำสินค้าไปขายได้ง่ายขึ้น / การทำงานผ่านระบบออนไลน์ เพื่อให้นักธุรกิจของบริษัทสามารถทำงานต่อไปได้ ซึ่งนั่นจะส่งผลให้บริษัทดำเนินธุรกิจไปได้เช่นกัน
“ตั้งแต่โควิดรอบ 1 – 3 ไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัทมากนัก เพราะมีสินค้าเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายอย่าง “เบต้า 19” และ “จี ตะวัน เฮิร์บ” ช่วยกระตุ้นยอดขาย ทั้งนักธุรกิจยังสามารถทำงานทั้งออฟไลน์และออนไลน์ได้ แต่โควิดรอบนี้ ถึงแม้จะมีสินค้าใหม่อย่าง “กระชายขาว” มาเสริมทัพยอดขาย แต่มาตรการล็อกดาวน์ของภาครัฐ ส่งผลให้การทำงานของนักธุรกิจเป็นไปด้วยความลำบาก ไม่สามารถเดินทางข้ามจังหวัด หรือจัดประชุมสัมมนาต่างๆ ได้ รวมถึงตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงมากด้วย ประกอบกับนักธุรกิจส่วนใหญ่ยังมีความรู้ด้านออนไลน์ไม่มากพอ อีกทั้งบริษัทเองตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าก็ถูกปิด แต่ยังคงต้องจ่ายค่าส่วนกลางให้ห้างฯ ทุกเดือน ทั้งหมดจึงเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ยอดขายครึ่งปีแรกไม่เป็นไปตามเป้า แต่โดยภาพรวมแล้วถือว่าเป็นที่น่าพอใจ” นายธนพงศ์อมร กล่าว
ขณะที่ช่วงครึ่งปีหลัง แกรนด์ทริปเปอร์ คาดการณ์ไว้ว่า หากรัฐปลดล็อกดาวน์ จะมียอดโตเพิ่มถึง 200 – 300% เนื่องจากตั้งแต่สถานการณ์โควิดรอบแรก บริษัทมีการปูพรมการทำงานไว้เป็นอย่างดี รวมถึงการล้อนซ์สินค้า “กระชายขาว” ออกมา ซึ่งช่วยเสริมความแข็งแกร่งของสินค้าได้มาก ตลอดจนบริษัทได้ออกแบบโมเดล สร้างหมวดสินค้าออนไลน์ขึ้นมา ซึ่งเป็นสินค้าราคาถูก แต่คะแนนพีวีน้อย ให้นักธุรกิจนำไปขายผ่านออนไลน์ได้ง่ายขึ้น ซึ่งคาดว่าจากปัจจัยทั้งหมดจะส่งผลให้ครึ่งปีหลังเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน
สำหรับโควิดรอบ 4 ที่ส่งผลกระทบในครั้งนี้ คาดว่ามีอีกหลายบริษัทได้รับผลกระทบเช่นเดียว แม้ว่ารัฐจะมีมาตรการต่างๆ ออกมาเยียวยาช่วยเหลือประชาชน ผู้ประกอบการก็ตาม แต่นายธนพงศ์อมร เชื่อว่าไม่สามารถแก้ปัญหาด้านการช่วยเหลือได้อย่างครอบคลุม ซึ่งหากต้องการทำทุกอย่างดีขึ้น แนะว่ารัฐควรล็อกดาวน์ทั้งประเทศ เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด โดยเฉพาะในกลุ่มของโรงงานต่างๆ ที่อาจเป็นคลัสเตอร์ใหม่ได้ รวมถึงออกมาตรการงดชำระหนี้ด้วย นั่นคือสิ่งที่ช่วยเหลือประชาชนได้จริง
“ในฐานประชาชนและฐานะผู้ประกอบการ ผมอยากให้รัฐบาลล็อกดาวน์ให้ขาด คือต้องปิดทั้งประเทศ และโรงงานในไทยทั้งหมด เพราะโรงงานคือการรวมตัวของคนหมู่มากที่จะทำให้เป็นคลัสเตอร์ใหม่ได้ตลอดเวลา รวมถึงต้องหยุดการชำหนี้ทั้งระบบด้วย ตรงนี้ถึงจะเป็นการช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการให้ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายในการชำระหนี้ช่วงล็อกดาวน์จริงๆ จะใช้เวลาล็อกดาวน์เท่าไหร่ก็ได้ แต่ขอให้ “เจ็บแล้วจบ” ในครั้งเดียว” นายธนพงศ์อมร กล่าวฝากถึงรัฐบาล
More Stories
“กิฟฟารีน” เปิดกระหึ่ม “Giffarine Flagship Store” ภูเก็ต เจาะใจกลางเมือง รับทัพลูกค้าไทย-นักท่องเที่ยวต่างชาติ
แอมเวย์ สร้างความสุข ส่งเสริมให้ผู้คนมีสุขภาพที่ดี ส่งท้ายปี
“กิฟฟารีน” ยืนหนึ่งแบรนด์สุขภาพและความงามสัญชาติไทย