เขย่าขวดขายตรง โดย.คมกริช.. 6 พฤศจิกายน 2564
การประกอบสัมมาอาชีพใดๆ ก็ตาม เมื่อมุ่งมั่นตั้งใจทำอย่างจริงจังก็จะกลายเป็นอาชีพหลักของตัวเองแต่เมื่อสั่งสมประสบการณ์มานานเข้าความคิดความอ่าน เริ่มแตกฉานทุกอณูของสมองก็พรั่งพรู มีแนวคิดที่จะทำโน่นทำนี่ เพื่อต่อยอดอาชีพหรือธุรกิจของตน ให้พัฒนาไปข้างหน้าต่อ ๆไป คนขายตรงก็เช่นเดียวกันในอดีต อาจเคยประสบความสำเร็จ มากน้อยต่างกัน หรืออาจเจออุปสรรคขวางกั้นความรู้สึก ความต้องการที่จะไปต่อ แต่ก็อาจถึงทางตันจำใจจำเป็น ต้องเปลี่ยนเส้นทางเดินใหม่เพื่อค้นหาความสำเร็จของตนเองให้ได้
เฉกเช่นผู้บริหาร หรือเจ้าของบริษัทขายตรงที่มีชื่อเสียงโด่งดัง มาในอดีต นั่นคือคุณสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ (ขออนุญาตที่เอ่ยนาม) อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงพลังงาน ของพรรคพลังประชารัฐ หลายคนอาจไม่ทราบว่าท่านเคยทำขายตรงมาก่อน ถึงขนาดเปิดบริษัทขายตรงในชื่อ บริษัท เดอะไร้ท์พาวเวอร์ จำกัด เมื่อปี พ.ศ. 2545 หรือเมื่อ 20 ปีมาแล้ว และหลายคนอาจเคยร่วมงานเป็นสมาชิกของบริษัทนี้มาแล้วด้วย ท่านสนธิรัตน์ ก่อนที่จะมาจับธุรกิจขายตรงท่านได้ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มาก่อน โดยได้ให้สัมภาษณ์ไว้กับสื่อขายตรง ฉบับหนึ่ง ว่า ” การที่กระโดดเข้ามาทำธุรกิจเครือข่าย เพราะมองว่าตัวเองชอบทำงานสังคมเพราะการสร้างพลังสังคม คือการสร้างพลังเครือข่ายกลับสู่สังคมอีกทางหนึ่ง” และมองว่า ธุรกิจเครือข่ายให้ตรงนี้มากกว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เคยทำมา เหมือนกับการสร้างบ้าน ให้คนอยู่ 1 พันหลัง มันก็สร้างความสุขให้คนแค่ 1,000 ครอบครัว แต่ถ้าสร้างธุรกิจเครือข่าย อาจจะเป็นหมื่นเป็นแสน และกระจายไปทั่วประเทศนั่นคือความต่างที่ท่านภูมิใจ โดยใน 3 ปีแรกบริษัท เดอะไร้ท์พาวเวอร์ จำกัด สามารถสร้างรายได้ ให้กับคนไทยไม่ต่ำกว่า 1 แสนครัวเรือน สร้าง สมาชิกให้มีรายได้ มากกว่า 1 ล้านบาทไม่น้อยกว่า 90 คน มากกว่า 5 แสนบาทร่วม 100 คน อีกทั้งยังมีสมาชิกที่มีรายได้มากกว่า 1 แสนบาท กว่า 700 คน รวมค่าคอมมิชชั่นตลอด 3 ปีร่วม 1,000 ล้านบาท แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า ในเวลาต่อมาเกิดปัญหาอุปสรรคเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์บางอย่าง ที่ใช้เพื่อการควบคุมน้ำหนัก ซึ่งภาครัฐที่ควบคุมคุณภาพของสินค้า ไม่อนุญาตให้มาทำการตลาดต่อ ทั้ง ๆ ที่ ยอดขายรวมถึงการตอบรับจากสมาชิกและลูกค้า กำลังบูมมาก ๆ ในเวลานั้น ในที่สุดก็จำเป็นต้องหยุดกิจการไป หลังจากนั้นท่านก็ผันตัวเอง เข้าสู่วงการเมืองจนประสบความสำเร็จ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีดังกล่าวข้างต้นเช่นนั้นแล
อีกหนึ่งท่านที่หลายคนในวงการขายตรงไม่ทราบมาก่อนว่าบุคคลผู้ทรงพลังอำนาจท่านนี้ ก็เคยคลุกคลีอยู่กับธุรกิจเครือข่ายขายตรงด้วยเช่นกัน อดีตประธานาธิบดีผู้อหังการ แห่งสหรัฐอเมริกา ” โดนัลด์ ทรัมป์ ” นั่นเอง Donald Trump เข้าซื้อกิจการ l deal Health และเปลี่ยนชื่อเป็น Trump Network ในปี ค.ศ. 2009 หรือ พ.ศ. 2552 หลังจากนั้นเพียง 1 ปียอดขายทะยานขึ้นถึง 600 ล้านบาทต่อปี แต่ก็ยังไม่เป็นที่พอใจสำหรับ ทรัมป์ ส่วนอีก 3 ปีต่อมา ราวเดือนกุมภาพันธ์ ปี พ.ศ. 2555 มีปัญหาผู้นำระดับสูงของบริษัทลาออกไปหลายคน และ ทรัมป์ถูกฟ้องร้องในเรื่องอื่นๆ อีกหลายคดี จึงยอมสละขายธุรกิจของบริษัทนี้ไป สิ่งที่น่าสังเกตคือ ทรัมป์เองก็มาจากนักพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เช่นกันจากตัวอย่างทั้ง 2 ท่านที่กล่าวมา จึงเป็นประเด็นขึ้นมาว่า ในอนาคตอาจมีนักธุรกิจอิสระหรือผู้บริหารบริษัท ในธุรกิจเครือข่ายขายตรงประเทศไทยก้าวขึ้นมาเป็นนักการเมืองในตำแหน่งใดก็ได้ ใครจะไปรู้? อยู่ที่ฟ้าดินกำหนด และโชควาสนาของแต่ละคน..
More Stories
“กิฟฟารีน” เปิดกระหึ่ม “Giffarine Flagship Store” ภูเก็ต เจาะใจกลางเมือง รับทัพลูกค้าไทย-นักท่องเที่ยวต่างชาติ
แอมเวย์ สร้างความสุข ส่งเสริมให้ผู้คนมีสุขภาพที่ดี ส่งท้ายปี
วีเอชดี ส่ง เมอริช คอฟฟี่ ชิงตลาดกาแฟสุขภาพ 3.4 หมื่นลบ.