“TDIA” ยกระดับขายตรงยุคดิจิทัล รีแบรนด์สู่ความมั่นคงในรอบ 21 ปี

ขายตรง/MLMNEWS/ธุรกิจเครือข่าย

            วาระครบรอบ 21 ปี สมาคมอุตสาหกรรมขายตรงไทย ประกาศ “รีแบรนด์ก้าวสู่ความมั่นคง” พร้อมสานต่อวิสัยทัศน์เดิม และมุ่งสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ เสริมความแข็งแกร่งภายใต้ความเปลี่ยนแปลงในโลกยุคดิจิทัล กับ “แพลตฟอร์มเครื่องมือออนไลน์” ให้สมาชิกสมาคมฯ ใช้เป็นเครื่องมือควบคู่การทำธุรกิจออฟไลน์ พร้อมตั้งเป้าปีนี้จะมีบริษัทเข้าร่วมเป็นสมาชิกถึงหลักร้อยบริษัท

นายพงษ์กฤตย์ องค์ศิริวัฒนา นายกสมาคมอุตสาหกรรมขายตรงไทย หรือ TDIA เปิดเผยภายในงาน “ครบรอบ 21 ปี TDIA” ว่า ในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา โควิดทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อพฤติกรรมของผู้บริโภค รวมถึงการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี ออนไลน์ต่างๆ ก็มีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จึงมองว่าถึงเวลาในการเปลี่ยนผ่านระหว่างยุคก่อนกับยุคปัจจุบันให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ในปีนี้ทางสมาคมฯ จึงมีนโยบายการสร้างความเปลี่ยนแปลงด้วยการ “รีแบรนด์ก้าวสู่ความมั่นคง” เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมขายตรง ทั้งตอกย้ำความมั่นคงของสมาคมฯ สร้างความเชื่อมั่นให้บริษัทสมาชิก ภาครัฐและประชาชนขณะเดียวกันยังคงสานต่อวิสัยทัศน์เดิมของคณะกรรมการผู้ก่อตั้งต่อไป

ซึ่งการรีแบรนด์ครั้งนี้ รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลง “ตราสัญลักษณ์” เพื่อสร้างอัตลักษณ์ของสมาคมฯ ให้ชัดเจน​ทันยุคสมัย​ MOOD&TONE ของสีหลักคือ “น้ำเงิน” ที่สื่อถึงความมั่นคง “ชมพู” สื่อถึงความโปร่งใสและทันสมัย ทั้งยังมีการปรับรูปแบบให้เห็นอักษรย่อ “TDIA” ให้ชัดเจนขึ้นอีกด้วย

นายพงษ์กฤตย์ ระบุว่า การประกาศรีแบรนด์ครั้งนี้ จะมีการสื่อสาร Core Value หรือ “ค่านิยมหลัก” ของสมาคมฯ ได้แก่ T : Team Work คือ ความสามัคคีของการทำงาน บนพื้นฐานความอบอุ่นเหมือนคนในครอบครัว / D : Development คือ การพัฒนาความรู้และเทคโนโลยีใหม่ในสมาคมฯ และสมาชิกสมาคมฯ / I : Integration คือ การเป็นศูนย์กลางในการบูรณาการความรู้ร่วมกันของภาครัฐ สมาชิกสมาคมฯ นักธุรกิจและผู้บริโภค / และ A : Accountant คือ การดำเนินธุรกิจบนความรับผิดชอบและการช่วยเหลือสังคม

ตลอดจนการดำเนินแผนงาน “พันธกิจ 3 S” คือ 1. SUSTAINABLE ตอกย้ำการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนของสมาคมฯ 2.​ SHARING​ มุ่งเน้นการแบ่งปันข้อมูลและข่าวสารที่ดีในกลุ่มบริษัทสมาชิกสมาคมฯและผู้บริโภค 3. SERVICE เป็นศูนย์กลางความช่วยเหลือและประสานงานให้กับทุกฝ่าย ทั้งสมาชิกสมาคมฯ ภาครัฐ และประชาชนทั่วไป

โดยจะอยู่บน Road Map 7 ทิศทางสำคัญ ได้แก่ 1. มุ่งสร้างการรับรู้แบรนด์ของสมาคมให้มากขึ้น 2. ถ่ายทอดเจตนารมณ์ของสมาคม Core Value ที่มีความอบอุ่นความสามัคคีตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันไปสู่บริษัทฯ สมาชิกใหม่ 3. สร้างเครือข่ายทางธุรกิจใหม่ ด้วยการเปิดรับสมาชิกใหม่จากกลุ่มธุรกิจอื่นเข้าสู่สมาคมฯ จากเดิมมีอยู่ประมาณกว่า 20 บริษัทให้เพิ่มขึ้นเท่าตัวในอนาคต 4. ทำ CSR ช่วยเหลือสังคมอย่างต่อเนื่อง  5. เป็นศูนย์กลางในการให้ความรู้เกี่ยวกับ Trend & Digital กลยุทธ์การปรับตัวในโลกปัจจุบันให้กับสมาชิกสมาคม 6. การปรับเปลี่ยนโครงสร้างระบบออนไลน์ของสมาคมฯ ให้ทันสมัยและสอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคปัจจุบัน 7. สานต่องานของสมาคมฯ ที่ทำอยู่ในอดีตให้เดินหน้าได้ต่อเนื่องและพัฒนาส่วนอื่นเพิ่มขึ้น

“เรามีเป้าหมายในการหากลุ่มสมาชิกใหม่ๆ และเริ่มทำกลุ่ม Business matching ที่หลากหลาย ทั้งโรงงานอุตสาหกรรม โลจิสติกส์ หรือกลุ่มนักธุรกิจที่เป็นขายตรงชั้นเดียว สมาคมฯ พร้อมเปิดรับเข้ามาเป็นสมาชิก และเราจะเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อระหว่างหน่วยงานของภาครัฐและเอกชนในการร่วมมือกับทางหน่วยงาน สคบ. และมีแผนในการทำ MOU ร่วมกับ สคบ. เป็นเวลา 3 ปี ขณะที่สมาชิกสมาคมฯ ที่มีกว่า 20 กว่าบริษัท เป้าหมายปีนี้เชื่อว่าอาจจะถึงหลักร้อยบริษัท” นายพงษ์กฤตย์ กล่าวเสริม

ด้านนายณพวัฒน์ สัตย์เพริศพราย เลขาธิการสมาคมอุตสาหกรรมขายตรงไทย กล่าวว่า ด้วยเทรนด์ของการตลาดในโลกยุคดิจิทัล เครื่องมือออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพจะทำให้ทุกคนมีทักษะที่เชี่ยวชาญและมีความรู้ด้านการตลาดออนไลน์อย่างถูกต้อง สมาคมฯ จึงตั้งเป้าหมายการเป็น “ศูนย์กลางการเรียนรู้” ของทุกภาคส่วน โดยจะเน้นไปที่การพัฒนา “แพลตฟอร์มเครื่องมือออนไลน์” เพื่อช่วยติดอาวุธให้นักธุรกิจที่อยู่ในบริษัทสมาชิกใช้เป็นเครื่องมือควบคู่การทำธุรกิจออฟไลน์ โดยมีผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับ Certified Google เข้ามาดูแลและพัฒนาระบบทุกขั้นตอน

“ระบบออนไลน์ที่กำลังพัฒนา จะมีการอัปเดตเทรนด์การตลาดใหม่ๆ เพื่อพัฒนาศักยภาพของกลุ่มบริษัทสมาชิกและนักธุรกิจที่เกี่ยวข้องในการสร้าง Connection เพื่อส่งเสริมกันต่อไปในอนาคต รวมถึงการจับคู่ธุรกิจ : MLM + Supplier จับมือกับภาคเอกชน เกี่ยวกับบริษัทเทคโนโลยี  Blockchain ,Metaverse & Web 3.0 และการจับมือกับหน่วยงานภาครัฐต่างๆ นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาส่วนสำคัญคือเว็บไซต์ของสมาคมฯ ให้มีความทันสมัยมากขึ้น พร้อมสร้างโมบายแอพพลิเคชันรองรับการทำงานได้ในทุกแพลตฟอร์ม ควบคู่ไปกับการเสริมศักยภาพการทำงานของสมาคมฯ ด้วยการจับมือร่วมกับภาครัฐและภาคเอกชนอื่นๆ ในการขับเคลื่อนภาครวมของอุตสาหกรรมให้มีการเติบโตร่วมกัน”  นายณพวัฒน์ กล่าว