26 พฤศจิกายน 2024

THE MASTER

ย่อโลกข่าวไว้ในมือคุณ

รายได้ 26 ปี “กิฟฟารีน” 1 แสนล้านตอบแทนสังคม 300 ล้าน

ขายตรง/MLMNEWS/ธุรกิจเครือข่าย

          รวมผลประกอบการ 26 ปี กิฟฟารีน ร่วม 1 แสนล้านบาท สร้างรายได้ให้นักธุรกิจกว่า 42,000 ล้านบาท คืนกำไรให้สังคมกว่า 300 ล้านบาท ขณะที่ปี 64 ปิดยอดที่ 5,039 ล้านบาท พร้อมก้าวสู่ปีที่ 27 ด้วยความแข็งแกร่ง ด้วยวิสัยทัศน์ ยอมรับความเปลี่ยนแปลงภายใต้วิกฤต ผสานการทำงานแบบออฟไลน์และออนไลน์ให้เป็นหนึ่งเดียว นำไปสู่การมีรายได้ที่ไม่สะดุดอย่างยั่งยืน

          พญ.นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการบริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด เผยวิสัยทัศน์แห่งความสำเร็จของนักธุรกิจในโลกยุคการเปลี่ยนแปลง ภายในงาน “ฉลองครบรอบ 26 ปี Build Better Future with Giffarine” ว่า นับเป็นความสำเร็จและความภาคภูมิใจของกิฟฟารีน จากจุดเริ่มต้น 17 มีนาคม 2539 จนถึงวันนี้ในปี 2565 รวม 26 ปี ด้วยจุดเริ่มต้นของการก่อตั้งบริษัท มีความตั้งใจให้เป็นบริษัทเพื่อความยั่งยืน ในการสร้างให้คนไทยมีอาชีพและรายได้ที่ยั่งยืนภายใต้สถานการณ์ทุกสถานการณ์

          พญ.นลินี ระบุว่า ในวิกฤตต่างๆ ตั้งแต่ต้มยำกุ้ง ทำให้เห็นว่า หลายๆ คนที่ไม่เคยสนใจธุรกิจขายตรง แต่ก็หันมาทำร่วมธุรกิจกับเรา รวมถึงวิกฤตการเมือง น้ำท่วม ทุกอย่างล้วนแต่เป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขให้ตนเองต้องสู้ และจากการร่วมแรงร่วมใจกันของนักธุรกิจกิฟฟารีน พนักงาน ทำให้กิฟฟารีนสามารถเติบโตและขยายโรงงาน ขยายสาขาไปมากกว่า 100 สาขา ซึ่ง ณ วันนี้กิฟฟารีนมีผลประกอบการรวมนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ตั้งแต่ มีนาคม 2539 – ธันวาคม 2654 รวม 97,711 ล้านบาท และตลอด 26 ปี กิฟฟารีนสามารถแบ่งปันผลประโยชน์ให้กับนักธุรกิจกิฟฟารีนแล้ว 42,784 ล้านบาท คืนกำไรสู่สังคมรวมกว่า 300 ล้านบาท ขณะที่ผลประกอบการในช่วงสถานการณ์โควิด ในปี 2564 มียอดขายรวม 5,039 ล้านบาท

          ขณะที่พฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคดิจิทัลมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และการระบาดของโควิด เป็นปัจจัยที่ทำให้การทำงานมีข้อจำกัด และต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบกระบวนการทำงานเพื่อให้เกิดรายได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งหมดต้องเรียนรู้กับสิ่งที่ไม่มีในตำรา โลกความเป็นจริงต้องใช้ความเร็วเข้าสู้ พร้อมต้องยอมรับกับความเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะธุรกิจขายตรงที่คนยุคก่อนมีความถนัดแบบออฟไลน์ ซึ่งปัจจุบันออฟไลน์ถือเป็นจุดแข็งแกร่งของบริษัท ขณะที่โลกที่เปลี่ยนไปออนไลน์เป็นสิ่งสำคัญที่สามารถนำมาประยุกต์ให้สอดรับกับการทำงานกับนักธุรกิจที่อาจจะไม่มีความรู้หรือไม่ถนัดได้ โดยผ่านการใช้งานทาง LINE อีกทั้งออฟไลน์และออนไลน์ต้องทำงานควบคู่กัน ธุรกิจถึงจะเดินต่อไปได้ นักธุรกิจก็จะมีรายได้อย่างไม่สะดุด

“เรายังทำงานในระบบทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ออฟไลน์เป็นการพบปะกันให้กำลังใจกัน และกิฟฟารีนเป็นบริษัทที่ยังคงทำออฟไลน์ได้อย่างแข็งแกร่งที่สุด ซึ่ง LINE เป็นสิ่งที่คนออฟไลน์เล่นเป็น โดยสามารถสื่อสารมองเห็นหน้ากันผ่านทางวีดีโอของ LINE จึงเป็นเทคนิคง่ายๆ ของคนทำออฟไลน์ โดยมีข้อแตกต่าง ในการทำออฟไลน์เหมือนเดิมมีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และเรื่องโรคระบาดด้วย เพราะฉะนั้นออฟไลน์ของกิฟฟารีนแข็งแกร่งมีเดลิเวอรี่ช่วยส่งสินค้าให้ LINE สั่งสินค้าได้ที่สาขา การโอนเงินก็เป็นเรื่องง่าย ทำให้คนทำออฟไลน์ยังคงทำงานต่อได้ และออฟไลน์แบบใหม่ก็คงยังจะได้เงิน เรามีการทำคลิปทำคอนเทนต์ดีๆ ให้นักธุรกิจที่ทำออฟไลน์ส่งไปให้กับดาวน์ไลน์ผ่านทางไลน์ ซึ่งคนทำออฟไลน์ทำได้แน่ๆ เพราะวิธีการใช้ Line ไม่ใช่การทำออนไลน์ แต่เป็นการสื่อสารแบบออฟไลน์” พญ.นลินี กล่าวเสริม

ทั้งนี้ พญ.นลินี บอกว่า คนที่เก่งเทคโนโลยีจะสามารถเติบโตไปกับโลกใบใหม่ ส่วนใครที่มี Human Touch หรือเก่งเรื่องคน จะสร้างความยั่งยืนได้ เฉกเช่นการทำงานออฟไลน์หรือออนไลน์ตัวตนของตัวเองจะต้องถูกสร้าง ให้มีความน่าไว้วางใจเชื่อถือก่อน แล้วสิ่งอื่นๆจะตามมา

“คาถาในชีวิตของหมอก็คือ จะไม่ปล่อยให้ใครหรืออะไรมาสะดุดความสำเร็จได้ ซึ่งเวลาการประชุมการตลาดจะพูดเสมอว่าหลักธุรกิจของเราคือการทำให้สมาชิกมีรายได้มากที่สุด พยุงรายได้ได้มากที่สุดท่ามกลางวิกฤตที่ใหญ่ที่สุดนี้ ต้องทำให้เขามีรายได้ที่ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ นั่นคือภารกิจของหมอ สำหรับสำหรับนักธุรกิจทำให้ตัวเองมีรายได้ที่ดีทำให้ดาวน์ไลน์มีกำลังใจ และเราทั้งหมดจะเดินเข้าสู่ปีที่ 27 ด้วยความมั่นคงที่สุด” พญ.นลินี กล่าวปิดท้ายงาน

Skip to content