ขายตรง/MLMNEWS
ก้าวสู่ปีที่ 25 กับการสร้างธุรกิจเครือข่ายในประเทศไทย ของบริษัทเครือข่ายชั้นนำระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา “Synergy WorldWide” ที่ก่อตั้งมากว่า 50 ปี มีเครือข่ายธุรกิจกระจายอยู่ทั่วโลก และประสบความสำเร็จในประเทศต่างๆ มากมาย แต่สำหรับ “ซินเนอร์จี้ ประเทศไทย” แล้ว อาจพูดได้ว่ายังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องแบบค่อยเป็นค่อยไป
มร.เบน มางาเล ผู้ช่วยผู้อำนวยการภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และญี่ปุ่น บริษัท ซินเนอร์จี้ เวิล์ดไวด์ มาร์เก็ตติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวยอมรับว่า ที่ผ่านมาบริษัทยังลงทุนน้อยเกินไปกับตลาดในประเทศไทย ขณะที่ตลาดต่างประเทศประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก บริษัทจึงถอดบทเรียนจากสิ่งที่เรียนรู้ในตลาดต่างประเทศ มาปรับใช้ให้สอดคล้องกับบริบทในประเทศไทย ภายใต้การขับเคลื่อนกับระบบ Eagle System ซึ่งเป็นระบบที่แข็งแรง และประสบความสำเร็จมากในตลาดญี่ปุ่นและไต้หวัน / พร้อมให้ความสำคัญการทำงานร่วมกับลีดเดอร์อย่างใกล้ชิดให้มากขึ้น / การลงทุน “รีแบรนด์” เพื่อเข้าสู่ยุค Synergy 2.0 ด้วยการเปิดออฟฟิศใหม่ แห่งใหม่กับ Synergy Experience Center ศูนย์การดูแลสุขภาพที่มาพร้อมเทคโนโลยีทันสมัย ตัวช่วยวิเคราะห์มวลรวมของสุขภาพในร่างกายรวมถึงผิวหน้า ตั้งอยู่บนชั้น 2 อาคาร CW Tower ถนนรัชดาภิเษก เพื่อขยายกลุ่มเป้าหมายเพิ่มขึ้น ที่ไม่เพียงแต่คนที่มีปัญหาด้านสุขภาพเท่านั้น แต่รวมถึงคนที่ใส่ใจดูแลรักษาสุขภาพของตัวเองด้วย และกลุ่มเจน Y ด้วย
นอกจากนี้ ยังมีการจัดโปรโมชั่น / การเปิดตัวผลิตใหม่อย่างต่อเนื่อง / การปรับกลยุทธ์การตลาดแบบผสมผสานทั้งออนไลน์และออฟไลน์อย่างลงตัว เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ในทุกมิติ ซึ่งทั้งหมดจะเป็นส่วนช่วยผลักดันให้ซินเนอร์จี้ประเทศไทย สามารถเติบโตในอนาคตได้อย่างยั่งยืนเทียบเท่ากับตลาดในต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จมาแล้วมากมาย
“บริษัทจะนำความสำเร็จมาปรับใช้กับบริบทประเทศไทยอย่างที่ประเทศอื่นได้ใช้และประสบความสำเร็จมาแล้ว ถึงแม้ว่าจะมีอุปสรรคข้อจำกัดในอดีต แต่ด้วยการเรียนรู้จะทำให้บริษัทมีศักยภาพและสร้างความเติบโตอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย ทั้งเชื่อในตัวของผู้นำที่มีความสามารถ การลงทุนกับสิ่งใหม่ที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่อง KOL (Key Opinion Leader) / Brand Awareness เพื่อดึงเข้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ในประเทศไทยให้เข้ามาร่วมทำธุรกิจ ซึ่งหวังว่าในอีก 3 ปีข้างหน้า บริษัทจะมีรากฐานที่แข็งแกร่งขึ้นจากการดำเนินการเหล่านี้” มร.เบน กล่าวเสริม
ทั่งนี้ ด้านผลิตภัณฑ์ของซินเนอร์จี้ที่ยังคงโดดเด่นเรื่องการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และการดีท็อกซ์ ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของบริษัท เพราะผลิตภัณฑ์แต่ละรายการพัฒนามาจากสารสกัดจากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น โปรอาร์จีไนน์ พลัส / คลอโรฟิลล์ พลัส / ซินเนอร์จี้ บอดิการ์ด และสกินแคร์ ลามาร่า ทั้งหมดยังคงเป็นผลิตภัณฑ์หลักของซินเนอร์จี้ประเทศไทย ทั้งมีการพัฒนาประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น ควบคู่การคิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุด บริษัทร่วมกับโครงการหลวง พัฒนาผลิตภัณฑ์กลุ่มสกินแคร์ ที่มีสารสกัดมาจาก “CBD” ซึ่งจะเปิดตัวได้ในไตรมาส 2 ส่วนไตรมาส 3 และ 4 จะทยอยล้อนซ์ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน อาทิ แชมพู ครีมกันแดด เป็นต้น
“นอกเหนือจากการลงทุนและปรับกลยุทธ์ด้านต่างๆ แล้ว บริษัทได้จับมือร่วมกันทำงานกับหน่วยงาน นักวิจัย ผู้เชี่ยวชาญในวงการต่างๆ ของไทยในประเทศไทย เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ “CBD” ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความเฉพาะเจาะจงให้เหมาะกับคนไทยและตลาดในประเทศไทย ซึ่งการที่มีผลิตภัณฑ์ที่ผลิตได้ในประเทศไทย จะตัดปัญหาเรื่องการขนส่งเข้าประเทศได้” มร.เบน กล่าว
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ซินเนอร์จี้ เวิล์ด์ไวด์ มาร์เก็ตติ้ง มีการเติบโตจากฐานสมาชิกใหม่ที่เข้าสู่ธุรกิจเพิ่มมากขึ้น และตั้งเป้าเติบโตอีก 5 เท่า ภายใน 5 ปีข้างหน้า โดยมาจากนักธุรกิจในกลุ่มผู้นำทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ขณะที่เป้าที่วางไว้สำหรับปีนี้ยังคงอยู่กับจำนวนสมาชิก ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 2 แสนคน ขณะที่ด้านรายได้ในภูมิภาคเอเชียคิดเป็น 40% เมื่อเทียบกับทั้งโลก ซึ่งในอนาคตภูมิภาคเอเชียจะเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอนจากการนำเสนอโอกาสใหม่ๆ ผู้นำที่มีศักยภาพ รวมถึงแผนการตลาดที่น่าสนใจและดึงดูด
More Stories
“กิฟฟารีน” เปิดกระหึ่ม “Giffarine Flagship Store” ภูเก็ต เจาะใจกลางเมือง รับทัพลูกค้าไทย-นักท่องเที่ยวต่างชาติ
แอมเวย์ สร้างความสุข ส่งเสริมให้ผู้คนมีสุขภาพที่ดี ส่งท้ายปี
“กิฟฟารีน” ยืนหนึ่งแบรนด์สุขภาพและความงามสัญชาติไทย