ขายตรง/MLM/ธุรกิจเครือข่าย
“ซัคเซสมอร์” เดินหน้าสานต่อ 4 กลยุทธ์หลักองค์กร พร้อมรัดเข็มขัด ต้านแรงเหวี่ยงสถานการณ์โควิดและสงครามรัสเซีย – ยูเครน ลดผลกระทบธุรกิจ วางเป้าการเติบโตปีนี้เพิ่ม 50% ขยายฐานสมาชิกใหม่รวม 2 แสนคน พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ผู้บริโภคต่อเนื่อง
นายแพทย์สิทธวีร์ เกียรติชวนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCM เปิดเผยทีมข่าว “MLM NEWS ONLINE” ว่า ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตโควิดที่ยังไม่คลี่คลาย มาปีนี้ยังเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน กลับกลายเป็นวิกฤตระลอกใหม่ ดังนั้นท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ SCM จึงต้องกลับมามุ่งเน้นกลยุทธ์หลักขององค์กรเท่านั้น คือ 1. การสร้างพลังแบรนด์ 2. การขับเคลื่อนดิจิทัล 3. การยกระดับความมีประสิทธิผลของระบบงาน ระบบพัฒนาคน และ 4. การบริหารประสบการณ์ที่ประทับใจของลูกค้าในทุกๆ จุดสัมผัสแบรนด์ ตลอดจนการลดทอนเรื่องต่างๆ ที่ไม่จำเป็นต้องทำในช่วงนี้ลง เพื่อนำเอาทรัพยากรที่มีอยู่ไปทำในเรื่องที่สำคัญและจำเป็นในอนาคต เพื่อให้เกิดการเติบโตในระยะยาวเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว
และในปีนี้ เป็นการก้าวเข้าสู่ปีที่ 10 บริษัทจึงวางแผนมองการเติบโตในภาพรวม โดยวางเป้าหมายการเติบโตด้านยอดขายในอัตรา 50% และรักษากำไรสุทธิในอัตรา 15 % ภายใต้การขับเคลื่อนด้วย 4 กลยุทธ์หลักดังกล่าวข้างต้น ควบคู่การขยายฐานสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นจาก 100,000 คน เป็น 200,000 คน และเพิ่ม % Active จากระบบเครือข่ายสมาชิก รวมถึงการสรรค์สร้างผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์เทรนด์ผู้บริโภคใส่ใจสุขภาพมากขึ้นจากสถานการณ์โควิด
“ในขณะที่วิกฤติโควิดเริ่มคลี่คลาย ผู้คนกลับมาใช้ชีวิตปกติมากขึ้น ทำให้หนุนความต้องการสินค้าและบริการเพิ่ม โดยเฉพาะสินค้าด้านดูแลสุขภาพภูมิคุ้มกันต่างๆ และพฤติกรรมกระแสรักสุขภาพส่งผลให้บริษัทมีฐานสมาชิกและลูกค้าเข้ามามากขึ้น บริษัทจึงต้องรักษาฐานสมาชิกและฐานลูกค้าของเราไว้ให้ดี เพราะการมีฐานผู้บริโภคอยู่ในมือเป็นหัวใจสำคัญของการทำการตลาดในยุคนี้ รวมถึงรักษาฐานผู้บริโภคควบคู่กับการออกกลยุทธ์ทางการตลาดควบคู่กันไป” นายแพทย์สิทธวีร์ กล่าว
ทั้งนี้ สงครามที่เกิดขึ้นทำให้ราคาน้ำมัน วัตถุดิบ การขนส่ง ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นตามไปด้วย แต่บริษัทยังสามารถควบคุมราคาได้ ไม่มีการปรับขึ้นราคาแต่อย่างใด และยังคงไว้ซึ่งคุณภาพที่ดีเช่นกัน เนื่องจากมีการบริหารจัดการต้นทุน โดยสั่งวัตถุดิบ สารสกัดต่างๆ แต่ละชนิดที่ใช้ในการผลิตสินค้าเข้ามาเป็นล็อตใหญ่ พร้อมมีการติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดอยู่ตลอดเวลา ควบคู่การพัฒนาสินค้าที่มีคุณภาพตอบโจทย์ผู้บริโภคอย่างครอบคลุม โดยกลุ่มตลาดที่ยังไปได้ดี คือ กลุ่มอาหารเสริมสุขภาพ ซึ่งเป็นเทรนด์ของกลุ่มโครงสร้างประชากรและความตระหนักต่อการสร้างภูมิคุ้มกันของคนจากภัยโควิด และกลุ่มเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร เป็นกลุ่มรากฐานของสังคมไทยและ AEC
“บริษัทมีจุดแข็งในการตอบโจทย์ผู้ที่ตระหนักถึงการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน และด้วยคุณภาพของผลิตภัณฑ์จึงส่งผลให้มีฐานสมาชิกที่เพิ่มขึ้นทุกปีอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับมีลูกค้าที่รักและชอบในสินค้าและมีการซื้อสินค้าซ้ำอย่างต่อเนื่อง” นายแพทย์สิทธวีร์ กล่าวสรุป
More Stories
“กิฟฟารีน” เปิดกระหึ่ม “Giffarine Flagship Store” ภูเก็ต เจาะใจกลางเมือง รับทัพลูกค้าไทย-นักท่องเที่ยวต่างชาติ
แอมเวย์ สร้างความสุข ส่งเสริมให้ผู้คนมีสุขภาพที่ดี ส่งท้ายปี
“กิฟฟารีน” ยืนหนึ่งแบรนด์สุขภาพและความงามสัญชาติไทย