SAK เร่งสปีดขยายสาขาตามเป้าหมาย รับดีมานด์สินเชื่อรายย่อยพุ่ง มั่นใจพอร์ตสินเชื่อรวมทั้งปีทำได้มากกว่า 11,300 ล้านบาท

Business

บมจ.ศักดิ์สยามลิสซิ่ง’ หรือ SAK ผู้ให้บริการสินเชื่อรายย่อย ตอกย้ำผู้นำให้บริการสินเชื่อที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากยั่งยืน หนุนประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนเป็นธรรม เร่งขยายสาขาในไตรมาสแรกปีนี้ได้ตามเป้า 90 แห่ง รับดีมานด์ความต้องการสินเชื่อเพิ่มขึ้น มั่นใจทั้งปีดันพอร์ตสินเชื่อเป็นไปตามเป้าหมาย

นายศิวพงศ์ บุญสาลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศักดิ์สยามลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SAK ผู้ให้บริการสินเชื่อรายย่อยภายใต้แบรนด์ ‘ศักดิ์สยามลิสซิ่ง’ เปิดเผยว่า บริษัทฯ เดินหน้าตามแผนธุรกิจโดยมุ่งสู่ผู้นำให้บริการสินเชื่อที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากยั่งยืนเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ต้องการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่เป็นธรรม โดยมุ่งขยายสาขาให้ครอบคลุมพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือและภาคตะวันตก เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อรองรับความต้องการแหล่งเงินทุนให้แก่ประชาชน ซึ่งมีเป้าหมายจะมีสาขาครบ 920 สาขาภายในไตรมาส 3 ปีนี้ จาก
ณ สิ้นปี 2564 มีสาขา 719 แห่ง โดยในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่าน SAK สามารถขยายสาขา 90 สาขา ได้ตามเป้าหมาย

        ขณะที่ภาพรวมธุรกิจสินเชื่อรายย่อยในช่วงไตรมาส 2 ถือว่าเป็นไฮซีซั่นของธุรกิจ คาดการณ์ว่าความต้องการสินเชื่อจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังเห็นสัญญาณการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมาที่ขยายตัวได้ดี โดยมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการขอสินเชื่อทะเบียนรถเป็นประกัน, สินเชื่อทะเบียนรถ (เพื่อการลงทุน) และสินเชื่อรถแลกเงิน (เช่าซื้อ) เพิ่มขึ้น ขณะที่การบริหารควบคุมหนี้ NPLs แม้มีการแพร่ระบาดโควิด-19 บริษัทฯ ยังบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพสามารถรักษาระดับหนี้ NPLs ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม โดยการชำระค่างวดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2564 จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ของกลุ่มลูกค้ายังอยู่ในภาวะปกติ

“แม้เศรษฐกิจประเทศไทยยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่จากการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 และประชาชนยังต้องเผชิญกับค่าครองชีพที่ปรับเพิ่มขึ้น เราพร้อมสนับสนุนประชาชนที่ต้องการเข้าถึงแหล่งเงิน เพื่อนำไปประกอบอาชีพหรือเป็นฐานทุนสำหรับหมุนเวียนต่างๆ   โดยจะเดินหน้าขยายสาขาและเปิดตัวผลิตภัณฑ์สินเชื่อใหม่ๆ เพื่อตอกย้ำผู้นำให้บริการสินเชื่อที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากยั่งยืนสู่การผลักดันพอร์ตสินเชื่อทั้งปีแตะ 11,379 ล้านบาท” นายศิวพงศ์ กล่าว