ข่าวขายตรง
กระแสข่าวการระส่ำหนักในการบริหารงานของบริษัท วีไซ (ไทยแลนด์) จำกัด เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมาที่อาจเกิดการล้มเหลวในการบริหารงาน ทั้งเรื่องของสมาชิกยังไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่น และไม่มีสินค้า “โปรบิต้า” ให้กับสมาชิกที่มีการสั่งซื้อ กระทั่งผู้บริหารจาก วีไซ โกลบอล ซึ่งเป็นบริษัทแม่ต้องบินด่วนฝ่าโควิด-19 ทั้งต้องกักตัวนานถึง 18 วัน เพื่อพิสูจน์และหาข้อเท็จจริงกับสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมสะสางปัญหาทั้งหมดที่ค้างคาใจท่ามกลางข่าวลือสะพัดทั้งวงวงการขายตรง
แต่ท่ามกลางการถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนาหูของวีไซ ไทยแลนด์ นั้น ได้ไขความกระจ่างเมื่อ Mr.Paul Frampton Chief Financial & Vice President Visi Global และนายศุภพงษ์ จันทรวีระกุล ผู้จัดการทั่วไป ประจำประเทศไทย ออกมาแถลงข่าวเมื่อวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา เพื่อคลายปมสงสัยว่าข่าวลือนั้นเป็นจริงหรือไม่นั้น
ผู้บริหารทั้งสองท่านยอมรับว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง แต่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจที่จะปัดความรับผิดชอบแต่อย่างใด ทั้งเรื่องของการค้างจ่ายค่าคอมมิชชั่นให้กับสมาชิก เป็นสิ่งที่ต้องตรวจสอบที่มาที่ไปของค่าคอมมิชชั่นทั้งหมดว่าถูกต้องหรือไม่ เนื่องจากมียอดค่าคอมฯ Over Pay ถึง 62% ซึ่งไม่ได้เกิดมาจากแผนการตลาด แต่เหตุจากการทำโปรโมชั่นช่วงปลายปี ที่ไม่คิดว่าจะทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น แต่เมื่อออกโปรโมชั่นไปแล้ว ก็ต้องดันให้ถึงสิ้นปี 2563 เพื่อหยุดสาเหตุที่ทำให้ค่าคอมฯ เกิดยอด Over Pay แต่ ณ ปัจจุบันยืนยันว่าได้จ่ายเงินค่าคอมมิชชั่นที่ค้างจ่ายสมาชิกจำนวน 160 คน รวมแล้ว 5 ล้านบาทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเงินที่จ่ายให้สมาชิกนั้น บริษัทแม่เป็นผู้ซัพพอร์ตให้ทั้งหมด
ในส่วนของสินค้า โปรบิต้า โปรตีนคอลลาเจนชนิดอัดเม็ด ที่สมาชิกสั่งซื้อแล้วไม่มีสินค้าให้นั้น เป็นเพราะความต้องการสินค้าตัวนี้มากในตลาดเมืองไทย ซึ่งสินค้าที่ยังขาดจะเคลียร์สินค้าที่ค้างทั้งหมดให้กับสมาชิกภายในวันที่ 5 กุมภาพันธ์นี้แน่นอน ซึ่งหากสมาชิกคนไหนที่ไม่ต้องการรอสินค้าตัวนี้ บริษัทยินดีให้เปลี่ยนเป็นสินค้าตัวอื่นได้ แต่สมาชิกส่วนใหญ่พร้อมจะรอโปรบิต้าเข้ามาจากอเมริกามากกว่า
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา 3 ปี วีไซ ไทยแลนด์ มีการวางแผนเพื่อสร้างรากฐานในการทำธุรกิจระยะยาวให้มั่นคง ปัจจุบันมีสมาชิกที่ก้าวเข้ามาร่วมธุรกิจกับวีไซ ไทยแลนด์แล้วไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นคน แต่มีสมาชิกราว 3 พันคนเท่านั้นที่เป็นยอดแอคทีฟจริง ในขณะที่การวางแผนตั้งเป้ายอดขายในปีนี้นั้น นายศุภพงษ์ ยืนยันว่าจะเป็นปีที่ไม่มีการตั้งเป้ายอดขาย แต่จะไปโฟกัสการวางแผนธุรกิจในอีก 2 – 3 ปีข้างหน้าเป็นหลัก เพื่อให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืนมากกว่าการมุ่งเป้ายอดขาย เพราะไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์ที่เติบโตแบบก้าวกระโดดแล้วเกิดปัญหาขึ้น แล้วหลังจากนั้นอีก 3 ปีข้างหน้าจึงค่อยวางแผนเรื่องยอดขาย สำหรับการเดินทางมาของ Mr.Paul Frampton ในครั้งนี้ นอกจากจะมาเคลียร์ปมปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว ยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับสมาชิกได้มั่นใจในการก้าวไปกับวีไซ ไทยแลนด์ได้อย่างมั่นคง ทั้งยังมองเรื่องการวางแผนการบริหารจัดการเพื่อลดต้นทุนด้านต่างๆ ของวีไซ ไทยแลนด์ ให้เกิดประสิทธิผลมากขึ้น และคาดว่าจะจับมือกับโรงงานผลิตในไทยเพื่อร่วมกันผลิตและพัฒนาสินค้าภายใต้มาตรฐานของวีไซ โกลบอล แต่การนำเข้าสินค้าจากอเมริกายังคงเหมือนเดิม
More Stories
“กิฟฟารีน” เปิดกระหึ่ม “Giffarine Flagship Store” ภูเก็ต เจาะใจกลางเมือง รับทัพลูกค้าไทย-นักท่องเที่ยวต่างชาติ
แอมเวย์ สร้างความสุข ส่งเสริมให้ผู้คนมีสุขภาพที่ดี ส่งท้ายปี
“กิฟฟารีน” ยืนหนึ่งแบรนด์สุขภาพและความงามสัญชาติไทย